Skip to content
eco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่น
  • Creative Learning
    Everyone can be an EducatorUnique TeacherCreative learningLife Long LearningUnique School
  • Family
    Early childhoodHow to get along with teenagerอ่านความรู้จากบ้านอื่นFamily PsychologyDear Parents
  • Knowledge
    Growth & Fixed MindsetGritEF (executive function)Adolescent BrainTransformative learningCharacter building21st Century skillsEducation trendLearning Theory
  • Life
    Life classroomHealing the traumaRelationshipHow to enjoy lifeMyth/Life/Crisis
  • Voice of New Gen
  • Playground
    SpaceBookMovie
  • Social Issues
    Social Issues
  • Podcasts
eco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่น
Dear Parents
2 February 2024

ไม่ต้องรักลูกทุกคนเท่ากันก็ได้ แต่อย่าใจร้ายกับลูกคนไหนเลย

เรื่อง อัฒภาค ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • น้ำหนักของความรักอาจเป็นเรื่องยากที่จะชั่งตวงวัด ความรู้สึกว่าพ่อแม่รักลูกไม่เท่ากันจึงเป็นปัญหาของหลายๆ บ้าน แต่สิ่งที่กรีดทับลงไปบนความรู้สึกของเด็กคือการแสดงออกของพ่อแม่ และที่ร้ายกว่านั้นคือ คำพูดเชือดเฉือน ซึ่งได้สร้างบาดแผลในใจให้กับลูกอย่างที่สุด

ผมมีความรู้สึกมาทั้งชีวิตว่าในจำนวนลูกทั้งสามคน พ่อรักผมน้อยที่สุด

แน่นอนว่าผมเคยระบายความทุกข์นี้กับใครหลายคน และเกือบทั้งหมดให้คำอธิบายอย่างเรียบง่ายว่า “เพราะเธอคือลูกคนกลางไง”

แม้ว่าคำตอบนี้จะไม่ผิดจากที่คาดไว้ เพราะตัวผมเองก็พอรู้ว่าลูกคนกลางมีแนวโน้มที่จะเป็น ‘ลูกชัง’ ประจำบ้าน (มากกว่าพี่หรือน้อง) แต่ผมก็ไม่อาจสามารถปรับใจให้ยอมรับกับความอยุติธรรมนี้ได้สักครั้ง

ผมจำได้ว่าตอนเด็กๆ เวลาอยากได้อะไร พ่อก็ซื้อให้ผมเทียบเท่ากับพี่น้อง แต่สิ่งที่ผมไม่เคยเข้าใจเลยคือทำไมผมต้องได้สิทธิเป็นคนเลือกคนสุดท้ายหรือทำไมผมต้องยอมพี่ยอมน้องก่อนเสมอ เพราะถ้าวันนั้นไม่ใช่วันเกิด ไม่มีเลยสักครั้งที่ผมจะมีโอกาสได้เลือกของขวัญเป็นคนแรก

ยกตัวอย่างเช่น ตอนพ่อแม่ซื้อดินสอกดเพื่อเอาไปใช้เขียนหนังสือที่โรงเรียน สมัยนั้นพวกเราจะชอบอวดเครื่องเขียนต่างๆ กับเพื่อนๆ แต่ผมแทบไม่มีช่วงเวลานั้นเลย แถมยังโดนหัวเราะเอาด้วย เพราะผมได้ดินสอกดพาวเวอร์เรนเจอร์สีชมพูหวานแหววเพียงแท่งเดียว ต่างกับพี่ชายที่ได้สีแดงกับสีเขียว

ส่วนน้องสาว ผมจำได้ดีไม่ลืมว่าพ่อของผมมักสอนให้ผมใจดีเมตตาน้อง ซึ่งผมก็ยินดีเสมอ แต่ผมไม่เข้าใจว่าของเล่นบางชิ้นที่ผมรักมากๆ อย่างดาบจากการ์ตูนเรื่องธันเดอร์แคทที่ผมมักนำมากวัดแกว่งคนเดียวเพื่อต่อสู้กับปีศาจในจินตนาการ ก็ถูกพ่อยึดและไม่เคยได้คืนอีก หลังจากน้องมาขอแต่ผมไม่ให้ ซึ่งผมผิดตรงที่อาจไปผลักน้องจนร้องไห้ แต่ผมก็ไม่เข้าใจพ่ออยู่ดี แม้ว่าวันนี้ผมเองก็อยู่ในวัยที่พร้อมเป็นพ่อคนได้แล้ว

นี่เป็นเพียงเหตุการณ์เสี้ยวหนึ่งเท่านั้น เพราะถึงจะโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ ผมมักเป็นคนที่พ่อบอกหรือแจ้งเรื่องอะไรช้าที่สุดอย่างเคย ไม่ว่าจะไปเที่ยว ทำธุระสำคัญ หรือแม้แต่สอบถามสารทุกข์สุขดิบ เรียกได้ว่าผมน้อยใจสุดๆ ที่โดนกระทำราวกับเป็นคนที่ไม่สลักสำคัญอะไร

ส่วนเหตุการณ์นอกบ้าน ผมก็มักถูกมองข้ามความสำคัญเสมอ โดยเฉพาะการที่ผมต้องใช้ชีวิตท่ามกลางการบูลลี่ตั้งแต่ป.5 จนถึงม.6 ในโรงเรียนเดิมกับปัญหาเดิมๆ ที่พ่อมองว่าเป็นเพราะผมเกเรบ้าง (ทั้งที่ผมติ๋มสุดๆ แต่พ่อมักมองว่าเด็กที่เรียนไม่เก่งคือเด็กเกเร) หรือการกลั่นแกล้งรังแกกันเป็นเรื่องธรรมดาของทุกโรงเรียนที่ผมต้องผ่านไปให้ได้ เพราะปัญหาของผู้ใหญ่หนักหนาสาหัสกว่านี้เยอะ ซึ่งจนวันนี้ผมก็ยังไม่รู้สึกว่าปัญหาของผู้ใหญ่ที่ว่าหนักนั้นคืออะไร แล้วคำว่าหนักของพ่อกับผมมันวัดกันได้จริงหรือไม่ 

อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นปัญหาที่น้องสาวของผมโดนบูลลี่ พ่อกับแม่ไม่เคยนิ่งเฉยและมีปฏิกิริยาตอบโต้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการโทรศัพท์บอกครูประจำชั้นให้แก้ไขปัญหาให้น้อง ซึ่งใจหนึ่งผมก็ยินดีกับน้อง แต่อีกใจผมก็แหลกสลายเช่นกัน

อันที่จริงนอกจากคำพูดจากคนรอบข้างที่บอกว่า “เพราะเธอเป็นลูกคนกลางไง” อีกสิ่งที่ผมได้ยินจากเพื่อนที่รู้ใจที่สุดคือคำว่า “ที่เราเป็นทุกข์นั่นเพราะเราชอบเปรียบเทียบกับพี่น้องไง” 

ที่จริงผมก็รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ใช่พ่อจะใจร้ายกับผมไปทั้งหมด แต่มาตรฐานการเลี้ยงดูที่พ่อมีให้ผมมันต่ำกว่าที่พ่อมอบให้กับพี่น้องของผมจริงๆ และถึงวันนี้ผมก็ยังรู้สึกเจ็บปวดเสมอ เพราะพ่อยังคงเสมอต้นเสมอปลาย เลือกที่รักมักที่ชัง และต่อให้ผมเปิดใจจนทะลุถึงตาตุ่ม พ่อกับแม่ผมก็ชี้ว่าผมกำลังเล่นใหญ่บ้าง หรือใช้วลีอมตะที่ว่า “นิ้วยังไม่เท่ากันจะให้กูรักพวกมึงเท่ากันได้ยังไง”

ผมอยากใช้ความเจ็บปวดของผมบอกกับพ่อแม่ทุกคนว่า ไม่จำเป็นต้องรักลูกเท่ากันก็ได้ แต่ในบทบาทของการเป็นพ่อแม่ ผมอยากให้พ่อแม่เอาใจลูกมาใส่ใจเราให้มากๆ 

เพราะสำหรับเด็กคนหนึ่ง พ่อแม่ไม่ต่างอะไรกับพระเจ้าที่มีชีวิต ดังนั้นคำพูดและการกระทำทุกอย่างของพ่อแม่จึงเปรียบได้กับพรหรือคำสาปที่อาจส่งผลกระทบอันมหาศาลต่อลูกไปตลอดชีวิต 

และอย่าลืมว่าต้นเหตุของปัญหาสุขภาพจิตหลายอย่างมีจุดเริ่มต้นมาจากครอบครัว

Tags:

ครอบครัวลูกความรักการเลี้ยงลูก

Author:

illustrator

อัฒภาค

Illustrator:

illustrator

ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

นักวาดภาพที่ใช้ชื่อเล่นว่า ววววิน facebook, ig : wawawawin

Related Posts

  • Movie
    Modern love : ไม่จำเป็นต้องลืมคนเก่า-ถูกแทน หัวใจเรารักได้มากกว่านั้น

    เรื่อง พิมพ์พาพ์

  • Movie
    Monster: เรื่องโกหกที่เริ่มต้นจากความกลัวเพราะไม่อยากเป็นตัวประหลาด

    เรื่อง อภิบาล ว่องวงษ์รักษ์ ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • Movie
    After the storm: เผชิญหน้าเพื่อลาจาก

    เรื่อง พิมพ์พาพ์ ภาพ พิมพ์พาพ์

  • Movie
    Billy Elliot: ความฝันนอกกรอบ และความรักของพ่อผู้ยอมหักหลังตัวเองเพื่อลูกชาย

    เรื่อง อภิบาล ว่องวงษ์รักษ์ ภาพ ภาณุพงศ์ สุวรรณจุฑามณี

  • Early childhood
    พ่อแม่มีหน้าที่ปกป้องสิทธิในร่างกายของลูก

    เรื่อง เมริษา ยอดมณฑป ภาพ PHAR

  • Creative Learning
  • Life
  • Family
  • Voice of New Gen
  • Knowledge
  • Playground
  • Social Issues
  • Podcasts

HOME

มูลนิธิสยามกัมมาจล

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

เลขที่ 19 เเขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

Cleantalk Pixel