- ไม่มีใครปฏิเสธว่า ‘ความกตัญญู’ คือคุณธรรมและคุณค่าของความเป็นมนุษย์ แต่บ่อยครั้งที่พ่อแม่ผู้ปกครองมักใช้คำว่า ‘กตัญญู’ เป็นหวายที่ฟาดลงกลางใจลูก เพื่อให้เขายอมทำตามความต้องการของตัวเอง และนั่นจึงทำให้ความกตัญญูกลายเป็นภาระทางความรู้สึกที่หนักอึ้งและอยากโยนทิ้งไปในที่สุด
“มึงกล้าดียังไงมาสอนกู ถ้ามึงเก่งนักก็ออกไปจากบ้านหลังนี้ แล้วอย่าได้สะเออะมาขอตังค์กูใช้อีก”
พ่อตะโกนด่าผมเมื่อยี่สิบปีก่อนอย่างเหลืออด หลังจากที่ผมตั้งคำถามว่าถ้าพ่อรักและกตัญญูกับปู่มากนัก ทำไมพ่อถึงไม่ไปอยู่ดูแลปู่ด้วยตัวเอง จะมาบังคับผมเพื่ออะไร
ตั้งแต่จำความได้ พ่อของผมเป็นคนค่อนข้างให้ความสำคัญกับการสอนให้ผมกตัญญูกับปู่ เพราะปู่เป็นคนที่ทำให้ลูกหลานทุกคนมีสมบัติเหลือกินเหลือใช้ในวันนี้ ทั้งยังนำรูปแขวนผนังขนาดใหญ่ที่มีตัวอักษรจีน-ไทยระบุถึง 最十生人 (สิ่งที่สุดของชีวิต 10 ข้อ) โดยข้อที่พ่อให้ความสำคัญที่สุดคือเรื่อง 人生最大罪恶是不孝 (บาปกรรมที่ใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตคือการไม่กตัญญู)
พ่อมักเล่าให้ฟังว่าตัวเองเป็นคนที่กตัญญูกับปู่มาก ไม่ว่าปู่จะสั่งหรือใช้ให้พ่อทำอะไร พ่อไม่เคยปฏิเสธปู่เลยสักครั้ง แม้ว่าหลายเรื่องจะขัดใจและทำให้พ่อเป็นทุกข์ก็ตาม
แต่ถึงแม้พ่อจะพยายามอธิบายว่าพ่อกตัญญูมากแค่ไหน น่าเสียดายที่ผมไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง อาจจะดูใกล้เคียงแค่เรื่องเดียวคือ พ่อมักซื้อของกินอร่อยๆ ไปให้ปู่สัปดาห์ละครั้ง
ช่วงที่ผมอายุประมาณ 10 ปี พ่อเริ่มใช้ให้ผมไปอยู่กับปู่ที่บ้านของลุงในวันอาทิตย์ (เพราะครอบครัวลุงไม่มีใครอยู่บ้าน) เดิมทีผมคิดว่าผมคงมาแค่ชั่วครั้งชั่วคราว แต่เปล่าเลย พ่อบังคับผมให้ไปอยู่กับปู่ทุกสัปดาห์เพื่อคอยปรนนิบัติรับใช้ปู่แทนพ่อ โดยไม่ถามความเต็มใจของผมสักคำ ขณะที่พ่อของผมกลับไปเที่ยวเล่นสนุกสนานและไม่เคยมาอยู่รับใช้ปู่แบบผมแม้แต่ครั้งเดียวตราบจนปู่สิ้นลม
แม้เวลานั้นผมจะยังเด็ก แต่ก็พอทราบว่าปู่กับพ่อมีความสัมพันธ์ที่ไม่ลงรอยกันเท่าไรนัก เพราะที่ผ่านมาผมจะเห็นพ่อมาหาปู่แค่เพียงผิวเผิน ตอนเจอหน้าก็ทักกันพอเป็นพิธี จากนั้นพ่อจะมุ่งคุยแต่กับย่าแค่เพียงคนเดียว แต่เมื่อพ่อต้องรับส่งผมที่บ้านปู่ทุกอาทิตย์ ปู่ก็มักอดไม่ได้ที่จะเหน็บแนมพ่อต่างๆ นาๆ โดยเฉพาะเรื่องชอบเที่ยวและรักสบาย ทำให้บางสัปดาห์ผมเห็นการปะทะคารมเป็นภาษาจีนที่ผมฟังไม่รู้เรื่องนัก
ขณะเดียวกัน ด้วยความที่ผมหน้าตาละม้ายคล้ายพ่อ ทำให้ปู่มักชอบหาเรื่องตำหนิรูปร่างหน้าตาของผมเสมอ โดยเฉพาะการล้อว่าผมมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับตือโป๊ยก่าย(ปีศาจหมูจากเรื่องไซอิ๋ว)อยู่เสมอ หรือถ้าไม่หาเรื่องตำหนิ ปู่ก็มักแสดงความเอ็นดูผมในแบบที่ผมอึดอัดและไม่ชอบเอามากๆ โดยเฉพาะการเรียกผมมากอดแล้วจับอวัยวะเพศของผม
สิ่งที่เจ็บปวดมากๆ คือพ่อไม่เคยปลอบใจเวลาผมเผชิญสถานการณ์เหล่านี้ ซ้ำยังด่าว่าผมเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น หรือคิดมากไปเองคนเดียว “ปู่มึงเขาก็จับxxx (อวัยวะเพศ) หลานคนอื่นเป็นปกติเพราะเขาเอ็นดู มึงอย่ามากระแดะ” จนผมเริ่มไม่อยากทนอยู่กับปู่และตัดสินใจบอกพ่อไปตรงๆ ในวันหนึ่งว่าผมก็อยากออกไปเที่ยววันอาทิตย์เหมือนเพื่อนที่โรงเรียนหรือลูกพี่ลูกน้องคนอื่นบ้าง ทำไมพ่อต้องมาบังคับให้ผมต้องไปขลุกอยู่กับปู่ทุกอาทิตย์ แล้วถ้าพ่อกตัญญูจริงอย่างที่ชอบโม้ให้ผมฟัง ทำไมพ่อถึงไม่มาอยู่กับปู่เองเลยล่ะ มาทำให้ดูหน่อยสิว่าการกตัญญูมันทำกันยังไง
“มึงกล้าดียังไงมาสอนกู ถ้ามึงเก่งนักก็ออกไปจากบ้านหลังนี้ แล้วอย่าได้สะเออะมาขอตังค์กูใช้อีก”
พ่อตะโกนอย่างเหลืออด ก่อนจะทุบตีผมราวกับผมเป็นศัตรูที่พ่อเกลียด จำได้ว่าผมเจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ แถมหลังจากนั้นยังถูกหักค่าขนม ถูกสั่งห้ามเล่นเกม รวมถึงสั่งให้ผมคัดลายมือคำว่า “人生最大罪恶是不孝 บาปกรรมที่ใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตคือการไม่กตัญญู” ด้วยตัวบรรจงจำนวน 4 หน้า และแน่นอนว่านั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมบ่นเรื่องนี้กับพ่อ
ผมจำได้ว่าหลังจากวันนั้น ผมก็ก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่แทนพ่อไปเรื่อยๆ จนผมเริ่มมีความผูกพันและอยากอยู่กับปู่ไปโดยอัตโนมัติ ขณะเดียวกันผมก็ทำหูทวนลมทุกครั้งเวลาที่พ่ออวดอ้างว่าตัวเองเป็นลูกที่แสนกตัญญูยังไงบ้าง ซึ่งพ่อก็คงรับรู้ได้และมักหาโอกาสพูดกรอกหูผมบ่อยๆ ว่าผมอาจจะไม่เข้าใจสิ่งที่พ่อ ‘สอน’ ในวันนี้ แต่ถ้าผมโตขึ้นจนอายุเลขสามนำหน้า ผมจะเข้าใจและนึกขอบคุณพ่อมากขึ้น
ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน ผมอายุสามสิบเศษ ผมไม่รู้สึกเสียใจสักนิดที่ผมไปดูแลปู่ของผม แต่สิ่งที่คาใจเสมอคือนิยามคำว่า ‘กตัญญู’ ซึ่งผมรู้สึกว่าผมกับพ่อตีความเรื่องนี้ไม่เหมือนกัน
สำหรับผม ‘กตัญญู’ คือการกระทำไม่ใช่คำพูด ผมมองว่าการกตัญญูที่สอนลูกได้ดีที่สุด คือพ่อแม่ต้องแสดงความกตัญญูต่อปู่ย่าตายายให้ลูกเห็นอย่างสม่ำเสมอ ให้ลูกได้มีภาพจำของความรักความอบอุ่นในครอบครัวและค่อยๆ ซึมซับ โดยไม่จำเป็นต้องไปสั่งสอนหรือบังคับด้วยซ้ำ
ผมเชื่อว่าการกตัญญูต้องไม่มีวันหมดอายุ ไม่มีวันหยุดพักผ่อน และไม่ใช่สิ่งที่ทำแทนกันได้ เหมือนกับการกินข้าวที่ใครกินคนนั้นก็อิ่ม เช่นนั้นการสร้างความกดดันและโยนความกตัญญูของเราไปไว้บนบ่าของลูกหรือตัวตายตัวแทนคนอื่นเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตัวเองรู้สึกสบายใจจึงเป็นสิ่งที่ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง และมองว่าสิ่งนี้เป็นวิธีที่ขี้ขลาด …เป็นความเห็นแก่ตัวที่สร้างขึ้นเพื่อหลอกตัวเองว่าฉันก็เป็นลูกที่กตัญญูคนหนึ่ง