- มีอย่างน้อยสองเหตุผลที่เราอยากคุยกับ สร้อยแก้ว คำมาลา หนึ่งคือ การเลือกโรงเรียนให้ลูกเพราะสนามหญ้ามันกว้างดี
- สอง-ซิงเกิลมัมคนนี้คือแม่ที่ยอมให้ลูกขาดเรียนบ่อยๆ เพื่อพาไปทำงานด้วย แรกๆ เพราะไม่มีคนดูแล แต่หลังๆ ไม่ใช่ เพราะลูกกลายมาเป็นพาร์ทเนอร์คนสำคัญที่ทำให้งานเสร็จสมบูรณ์
- สร้อยแก้ว-ตาน้ำ คำมาลา คือแม่ลูกที่ช่วยกันผลิตงานสารคดีโทรทัศน์ หน้าที่สำคัญของลูกสาววัย 10 ขวบ คือ เลขาฯ ผู้ช่วยช่างภาพ ดูแลโดรน และกำลังใจ
“สนามมันกว้างดี” คือเหตุผลแรกที่ สร้อยแก้ว คำมาลา เลือกพาลูกออกจากโรงเรียนเอกชนเพื่อมาเข้าโรงเรียนเทศบาล เมื่อ 3 ปีที่แล้ว
เพราะตัดสินใจออกจากงานประจำที่กรุงเทพฯ กลับมาอยู่บ้านที่เชียงใหม่กับลูก ค่าเทอมหลักหมื่นจึงหนักหนาเกินไป ที่สำคัญ ระหว่างการศึกษา กับ สิ่งแวดล้อม อย่างหลังสำคัญกว่าสำหรับสร้อยแก้ว
หลายปีก่อน เราจะรู้จัก สร้อยแก้ว คำมาลา ในฐานะนักเขียนหญิงมือดีคนหนึ่งของวงการ หนึ่งในผลงานคือ วรรณกรรมเยาวชนเรื่อง ‘ลาก่อนนางฟ้า’ ที่เล่าประสบการณ์ฝังใจวัยเด็ก โดนครูทำโทษรุนแรงจนเป็นบาดแผลทางใจ ทั้งปาชอล์ก ปาแปรงลบกระดาน ตบ ตี ฯลฯ ด้วยหวังว่าจะต้องไม่มีเด็กคนไหนเจอเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้อีก
แต่ตอนนี้อาชีพที่หาเลี้ยงครอบครัวได้จริงๆ ไม่ใช่นักเขียน หากคือ ผู้ผลิตสารคดีโทรทัศน์ ทำตั้งแต่เลือกประเด็น ลงพื้นที่ ถ่ายทำ เขียนบท ตัดต่อ ลงเสียง เรียกว่าครบจบหนึ่งเรื่องได้ด้วยตัวเอง ทั้งเรื่องงานและชีวิตส่วนตัว เพราะสร้อยแก้วตัดสินใจเป็นซิงเกิลมัมตั้งแต่ยังไม่คลอด ด.ญ.ตาน้ำ คำมาลา – ลูกสาวออกมา ด้วยเหตุผลส่วนตัวกับอดีตสามี
บ้านหลังเล็กๆ ย่านหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ถือว่าใหญ่เพียงพอสำหรับใช้ชีวิตด้วยกันสองแม่ลูก สะดวกด้วยเพราะอยู่ห่างจากโรงเรียนไม่เกิน 10 นาที และเป็นโรงเรียนที่แม่คิวซีแล้วว่าดี ทั้งสนามที่กว้าง สระว่ายน้ำใหญ่ อาหารสะอาด และเห็นความสำคัญของการเรียนรู้นอกห้อง
เพราะแม่ลูกคู่นี้พากันออกต่างจังหวัดบ่อย แม่จะไม่ยอมปล่อยให้ลูกอยู่บ้านคนเดียวเพื่อไปโรงเรียน อีกอย่าง สำหรับสร้อยแก้ว โลกกว้างข้างนอกคือ โรงเรียนสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต ที่ใช้เวลาคุณภาพเป็นค่าเทอม
ทำไมถึงเลือกโรงเรียนจากสิ่งแวดล้อม
เราไม่ได้ซีเรียสเรื่องการศึกษามาก รู้สึกว่าวัยนี้ไม่ใช่วัยที่จะต้องมาแข่งเรียน แต่สิ่งที่เราคิดคือ สิ่งแวดล้อม โรงเรียนต้องดี อาหารโรงเรียนดีไหม สะอาดไหม เพื่อนฝูงเป็นยังไง เรื่องเพื่อนๆ ก็สำคัญ ถ้าเกิดลูกอยู่ในกลุ่มก๊วนเพื่อนที่เป็นลูกคนรวย ทำอะไรไม่เป็น เราก็ไม่เอานะ และต้องใกล้บ้าน เพราะตั้งใจว่าภายในรัศมี 5 กม. ฉันจะไม่ไปไหน มันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเดินทาง ก็เลยมาลงตัวที่ โรงเรียนเทศบาลหางดง เพราะรู้สึกว่ามันตอบโจทย์ของเรา
ปรากฏว่าเขาชอบตั้งแต่วันแรก สนุกมากเลยแม่ ไม่ได้เรียนหนังสือเลย ต่างจากที่เดิม เขาเรียนเยอะ เรียนหนัก
แล้วตาน้ำชอบไหม ไปโรงเรียนวันแรก
ตาน้ำ: สบายดีค่ะ
สบายยังไง
ตาน้ำ: มันเป็นวันเปิดเทอม ไม่ได้เรียนแต่เขาแจกอุปกรณ์การเรียน
เหมือนที่โรงเรียนเก่าไหม
ไม่เหมือน ที่นี่เรียน 6 ชั่วโมง โรงเรียนเก่าเรียน 8 ชั่วโมง
การบ้านเยอะไหม
ตาน้ำ: ไม่ค่อยเยอะค่ะ
เพื่อนๆ ล่ะ
ตาน้ำ: ไปวันแรกก็มีเพื่อนหนึ่งคน พอไปได้อาทิตย์นึง ก็มีห้าคน แต่ตอนนี้เป็นหกคนแล้ว
ชอบอะไรที่สุดในโรงเรียน
ตาน้ำ: ชอบสระว่ายน้ำ แล้วก็ชอบร้านที่มาเปิด มีขนม มีช็อกโกแลต มีน้ำหวาน มีชาเขียว (ร้านค้าเอกชนอยู่ข้างโรงเรียน หลังเลิกเรียนเด็กๆ จะออกจากบริเวณโรงเรียนไปซื้อได้)
ตาน้ำอยากกลับไปโรงเรียนเดิมไหม
ตาน้ำ: ไม่อยากไปละ
ที่เลือกโรงเรียนนี้เพราะไม่ได้ให้ความสำคัญกับเนื้อหา หรือว่าความเก่ง ทำไมพี่สร้อยแก้วถึงคิดแบบนี้
มันเป็นช่วงที่เด็กควรจะสนุก ถ้าเลือกได้ เราก็อยากเลือกเก่งด้วยสนุกด้วย ได้สนุกสนานเฮฮาแล้วก็ได้ความรู้สอดแทรก แต่โรงเรียนแบบนี้ค่าเทอมแพงมาก เรารู้ว่าศักยภาพเราไม่สามารถจะพาลูกไปยังจุดนั้นได้ แต่ภายใต้เงื่อนไขที่เรามี รายได้แม่มีเท่านี้ และเราจะอยู่กันให้มันมีความสุขด้วย ลดความคาดหวัง ลดสเป็คโรงเรียนลงมา เอาระดับที่เรารู้สึกว่าเราโอเค
สมมุตินะ ถ้ามีโรงเรียนใกล้ๆ ราคาที่เราพอจ่ายได้ แต่เขาโชว์จุดขายด้วยการเคี่ยวเข็ญเด็กให้เรียน แล้วก็สอบได้คะแนนเยอะๆ เราก็ไม่เอา
ทราบว่าก่อนพาตาน้ำเข้าเรียนจริงๆ ได้ไปคุยกับ ผอ.โรงเรียนด้วย?
ใช่ เขาเพิ่งเกษียณไปปีที่แล้ว พอได้คุยแล้ว ไอเดียเขาดีจริงๆ เขาบอกว่า คุณรู้ไหมว่าพอเด็กเกิดได้สามสี่เดือน ก็เริ่มคว่ำ สักพักเริ่มคลาน สักพักเริ่มเดิน สักพักเริ่มวิ่ง ถามว่าสิ่งเหล่านี้ใครสอน ก็ไม่ได้มีใครสอนซักหน่อย คุณไม่ต้องไปเร่ง เด็กจะรู้เองว่าช่วงไหนต้องรับอะไร ไปยังไงต่อ
เราชอบสิ่งที่เขาอธิบายและเราก็คิดอย่างนั้น ขอให้ลูกได้สนุกก่อน วิชาต่างๆ คณิตศาสตร์ สังคม เราพอสอนได้ ภาษาไทยไม่ต้องพูดถึงเพราะเราเรียนจบเอกภาษาไทยมา ตรงนี้เราช่วยดูแลลูกได้
แต่สิ่งที่เราจะทำให้ลูกไม่ได้เลยคือสังคมข้างนอก โรงเรียนอากาศดี ลมพัดเย็นสบาย
หรือแม้กระทั่งเพื่อนฝูงเขา โรงเรียนนี้อาจรับเด็กเยอะ ครูน้อย แต่เรามองเห็นจุดดีของมัน
ตอนนั้น ป.2 เราทำงานเหนื่อยแล้วบ่นๆ ให้ลูกฟัง ตาน้ำบอกว่า แม่อย่าบ่นเลย แม่เหนื่อยแค่นี้ เพื่อนหนูนะแม่ ตื่นตั้งแต่ตีสี่ นอนเที่ยงคืน เขาต้องไปช่วยแม่ขายพวงมาลัย แม่เหนื่อยสู้เพื่อนหนูไม่ได้ เราก็เลยรู้สึกว่า เออ ดีจังที่ลูกได้เห็นชีวิตหลายอย่าง
ถึงขั้นไปดูโรงอาหารด้วย?
(พยักหน้า) คนอื่นให้ความสำคัญหรือเปล่าไม่รู้ แต่เรารู้สึกว่า นี่คือสิ่งที่ลูกกินทุกวัน พี่ว่ามันสำคัญพอๆ กับเรื่องการเรียนด้วยซ้ำ
เราไปชิมน้ำหวานในโรงอาหาร มันหวานพอดี ไม่ได้หวานมากเมื่อเทียบกับที่เราไปกินหลายๆ ที่ ส่วนเรื่องความสะอาดนี่หายห่วงเลย คือไปวันไหนก็สะอาดเหมือนเดิม หรือข้าวเช้า ช่วงหลังเราสบายใจมากเลย เอาเงินให้ลูกไปซื้อกินที่โรงเรียนเอง (ยิ้ม) ทั้งที่เราเป็นคนยอมให้ลูกไปโรงเรียนสายเพื่อกินข้าวเช้าก่อน
แล้วเรื่องวิชาการสำคัญไหมคะสำหรับพี่สร้อยแก้ว
สำคัญ (เสียงสูง) ยังหนักใจอยู่ทุกวันนี้ ตาน้ำภาษาอังกฤษไม่เก่ง แม่ก็ไม่เก่ง ก็กลุ้มใจกันสองแม่ลูกว่า เอ๊ะ เราจะทำยังไงดีถึงจะเก่งภาษาอังกฤษได้ ก็พยายามอยู่ แต่ก็ไม่ได้ซีเรียส ตอนนี้เรางานเยอะ แต่ถ้าช่วงไหนงานซาๆ ก็อาจจะเรียนเสริมหรืออาจจะออกทริปกันที่มันได้ใช้ภาษามากขึ้น
เราเป็นเด็กเรียนสายวิทย์มา จะเห็นความสำคัญของวิชาคณิตศาสตร์มาก คนที่สนใจคณิตศาสตร์จะคิดเป็นระบบ เช่น ถ้ามันออกขาวก็ต้องเป็นขาว ออกดำก็ต้องเป็นดำ จะบิดพลิ้วไม่ได้ ทำให้เราเป็นคนที่ซื่อตรงกับทุกงานที่เราทำ ทุกความสัมพันธ์ เราจะไม่บิดพลิ้วกับอะไร เราจะไม่มั่ว
แต่วิชาเหล่านี้ บางทีมันก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในโรงเรียน เราสามารถไปหยิบจับจากข้างนอกได้ เราถึงไม่ค่อยซีเรียสเรื่องโรงเรียน สิ่งสำคัญที่สุดของโรงเรียนคือสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี เพราะลูกอยู่ตรงนั้นตั้งหลายชั่วโมง ต้องเห็นความสำคัญในหลายเรื่อง โดยเฉพาะการสร้างทัศนคติที่ดีกับเขา
ย้อนกลับไปถาม จากนักเขียนพี่สร้อยแก้วเปลี่ยนมาทำสารคดีได้อย่างไร
รู้จักเพื่อนที่ทำวิดีโอเป็น ถ่ายเองตัดต่อเองเราก็เลยสนใจ เลยสมัครทำสารคดีรายการ ที่นี่บ้านเรา ไทยพีบีเอส ปี 59 ตอนนั้นสมัครพร้อมกับน้องฝ่ายตัดต่อ เพราะเรายังตัดต่อไม่เป็น จากตรงนั้นเราได้เรียนรู้งานมากขึ้น และรู้สึกสนุกกับงานตรงนี้มาก เราก็เลยค่อยๆ พัฒนาในฐานะทีมผู้ผลิตภาคพลเมือง ได้ทำหลายรายการ
ที่สำคัญทำงานนี้ เราได้อยู่บ้าน
การผลิตสารคดีช่วงแรกๆ เราจะมีทีมช่างภาพ มีคนตัดต่อ ส่วนเราเป็นฝ่ายค้นคว้าข้อมูล เขียนบท ช่วยถ่ายบ้างเล็กๆ น้อยๆ เอาไว้เป็นฟุตเทจ แต่หลังๆ ช่างภาพงานยุ่ง เราเลยเริ่มทำคนเดียว ถ่ายเอง และก็เริ่มตัดต่อเอง นอกจากจะสะดวก จัดการง่ายแล้ว การตัดต่อเองทำให้ทำงานได้เร็วขึ้น และค่าใช้จ่ายต่อการผลิตหนึ่งครั้ง มันไม่มาก แต่กว่าจะทำเองได้ก็เข้าปีที่สี่ของการทำงาน ตอนนี้มีแต่คนเก่ง ระดับงานเราอยู่เท่าเดิมไม่ได้แล้ว ต้องเรียนรู้และพัฒนาตัวเองตลอด
มันเหมือนเขียนหนังสือ คุณจะต้องดูทุกรายละเอียดและดูทุกความเหมาะสม ความถูกต้องแม่นยำ จังหวะภาพต้องเข้ากับบท ซึ่งเราจะเข้าใจดีที่สุด ซึ่งการที่เราหัดตัดต่อเองนับเป็นจุดสำคัญ เพราะพอเราทำได้แล้วมันเห็นผลความเปลี่ยนแปลงชัดมาก เห็นผลลัพธ์ที่ต่างจากของเดิมทั้งหมด เข้าใจได้มากขึ้นว่า เออ มันต้องคิดทุกวินาทีจริงๆ เราต้องใส่ใจรายละเอียดเหมือนเขียนหนังสือ ใส่ใจทุกคำที่เขียน
โปรดิวเซอร์รายการ เขาดูเรื่องล่าสุดที่เราทำเองทั้งหมดแล้วบอกว่า เฮ้ย เรื่องนี้มันแตกต่างจากทุกเรื่องที่ผ่านมา มันเห็นพัฒนาการ ก็เลยทำให้เรารู้สึกมั่นใจขึ้น ทั้งงานด้านการจัดการและเทคนิค
ถือว่ารายได้ตรงนี้ก็เรียกว่าเลี้ยงตัวเองได้?
พออยู่ได้ ไม่ได้มากมายเมื่อเทียบกับตอนทำงานประจำ แต่มันหายใจหายคอโล่งขึ้นเยอะ แล้วก็โชคดีที่สิ่งที่เราทำก็มีคนเห็น เราก็รับจ๊อบเพิ่ม ทำคลิปให้องค์กรต่างๆ ฟีดแบ็คดี เราก็แฮปปี้ (ยิ้ม)
ได้พาตาน้ำไปทำงานด้วยบ่อยไหมคะ
บ่อย แทบทุกครั้ง ยกเว้นทริปอันตราย ดีตรงที่เขาไม่งอแง ครั้งหนึ่งพาไปทำเรื่องนาอินทรีย์ที่พะเยา ดูเขาเกี่ยวข้าว ได้นั่งล้อมวงกินข้าว ตอนนั้นแม่ไม่ได้มีเวลามาก ก็ซื้อข้าวผัดเซเว่นติดตัวไปให้ลูก พอไปถึง ลูกไม่กินข้าวผัดเซเว่น ไปนั่งล้อมวงกินกับชาวบ้านอย่างอร่อยเลย ตาน้ำอู้คำเมืองได้ คุยกับพี่ป้าน้าอาได้สบาย
ความตั้งใจที่พาน้องตาน้ำไปด้วย แรกๆ คืออะไร
ไม่มีใครดูแล จริงๆ สมมุติถ้าทิ้งลูกไว้สามสี่วัน ตาน้ำจะร้องไห้ตาม อยากไปกับแม่ แม่ก็เลยพาไป แต่พอพาลงพื้นที่บ่อยๆ มันคือการใช้เวลาด้วยกัน และได้อะไรอยู่บ้างตอนไปกับแม่
ได้อะไรบ้างคะ
เราเชื่อประโยคที่ว่า การสอนเด็ก หรือการสอนใครสักคนที่ดีที่สุดคือการลงมือทำให้เขาเห็น เมื่อก่อนไม่ได้ตระหนักเท่าไหร่ แต่วันหนึ่งที่พาตาน้ำไปด้วย ก่อนหน้านั้นเราไม่เคยสอนตาน้ำว่าต้องทำอย่างนู้นอย่างนี้ แต่วันนั้นเราต้องขับรถแล้วให้ตาน้ำช่วยถือกล้องถ่ายให้ และการถือกล้องของตาน้ำคือการค่อยๆ แพนมา เราก็เฮ้ย ลูกรู้ได้ยังไงว่างานวิดีโอคุณหมุนเร็วไม่ได้ ต้องค่อยๆ หมุน
จังหวะนั้นเรารู้เลยว่าลูกเห็นสิ่งที่เราทำ แล้วเราก็รู้สึกว่ามันได้หลายอย่างมาก คำพูดคำจา เวลาที่เราไปเจอผู้ใหญ่ เราจะพูดกับคนไม่รู้จักอย่างไร เหมือนเขาซึมซับไปโดยไม่รู้ตัว เรารู้สึกว่าเรื่องนี้สำคัญมากจริงๆ
ตอนออกพื้นที่ เขาไม่มีปัญหา ตากแดดร้อนได้ ลุยได้ อดทน สอนเขาด้วยว่าถ้าอยากกินน้ำหรืออะไร ต้องคุยกับผู้ใหญ่ยังไง เหมือนไม่มีปัญหาเลยในช่วงปีสองปีหลังนี้
หรือตอนที่เขาเล็กกว่านั้น เราจะเป็นคนที่ถ้าลดขยะได้ก็จะพยายามให้มากที่สุด แกะกล่องสบู่มา ก็จะเก็บไว้ใช้ เป็นกล่องใส่ปากกาบ้าง หรือบางทีก็ใส่กระดาษโน้ต ทำโดยที่ไม่รู้ว่าลูกมองอยู่ พอวันหนึ่งมีกล่อง ลูกก็เอาไปทำ ตอนนี้โต๊ะของตาน้ำจะมีของใช้แล้วหลายอย่างที่เอามาประดิษฐ์ทำต่อ (ยิ้ม)
เวลาไปทำงานกับแม่ ตาน้ำช่วยอะไรแม่บ้าง
ตาน้ำ: จับ ถือร่ม จับโดรน แล้วก็เอาโดรนกลับ แต่ไม่ได้บังคับ
สร้อยแก้ว: มันจะมีบางพื้นที่ที่โดรนไม่สามารถลงพื้นได้ อย่างทุ่งนา ต้องมีคนจับเพื่อที่จะปล่อยให้โดรนขึ้น แล้วพอโดรนจะลงมา ก็จะต้องมีคนไปรอรับซึ่งก็คือตาน้ำ
มีครั้งหนึ่งจำได้ไม่ลืมเลย เราไม่รู้ว่าลูกกลัว มันเป็นโดรนลำใหญ่ ด้วยความที่ตอนนั้นยังไม่มีความรู้เรื่องโดรน บอกให้ตาน้ำจับโดรน เราก็จะสั่งให้ตาน้ำจับแน่นๆ ชอบกลัวว่าลูกจะทำหล่น พอเขาจับแล้วช่วงที่จะปิดโดรนจะพัดแรงขึ้นอีกทีนึง ซึ่งตาน้ำก็ต้องยื้อ เขากลัว แล้วพอเครื่องมันดับเขาก็ร้องไห้เลย โอ๊ย แม่ขอโทษ แม่ไม่รู้ จริงๆ พี่ไม่คิดว่าลูกจะกลัวขนาดนี้
แต่ตอนหลังเขายังขอทำอีกนะ เหมือนพอเขาผ่านตรงจุดนั้นไปได้ ก็จะเริ่มสนุก แล้ววันหนึ่งเขาก็พูดเองว่า แม่ บางทีอะไรที่เราทำไปนานๆ เดี๋ยวเราก็จะหายกลัวเอง
ตาน้ำเป็นกล้องสองให้แม่ด้วย?
ตาน้ำ: ค่ะ ดูให้ ถ้าไม่ได้ดูก็นั่งเฉยๆ กินน้ำไปด้วย ให้กำลังใจแม่
สร้อยแก้ว: เวลาไปทำงาน จะมีกล้องสามตัว บางทีมันต้องตั้งสองตัว เวลาเราสัมภาษณ์ พี่ก็จะให้ตาน้ำช่วยคุมตัวนึง
ตาน้ำ: แม่ให้ดูว่าภาพมันโฟกัสชัดไหม แล้วก็ให้ดูเรคคอร์ด ว่ามันอัดอยู่ไหม
สร้อยแก้ว: เมื่อก่อนเราตั้งกล้องไว้เฉยๆ แล้วปรากฏว่าคนให้สัมภาษณ์เขาขยับตัว หลุดกล้องไปเลย ตอนหลังก็เลยให้ตาน้ำอยู่ แล้วคอยจับโฟกัสใหม่เวลาเขาขยับตัว (โฟกัสทัชสกรีน)
ขาดเรียนบ่อยไหมคะ
บ่อยมาก แต่โรงเรียนนี้ค่อนข้างเข้าใจ เราไม่ได้คิดว่าทำถูกนะ แต่เรามีเงื่อนไขเรื่องไม่มีใครดูแลลูก ก็อธิบายกับครูว่าเดี๋ยวเราให้ลูกไล่ตามเนื้อหาอีกทีหนึ่ง ตาน้ำก็ไม่ได้เรียนอ่อน
ทัศนคติด้วย ครูที่นี่เขาจะถือว่าการที่ลูกไปกับแม่ ลูกได้เรียนรู้ เขาไม่ซีเรียสเรื่องนั้น ครูประจำชั้นครูต่างๆ โอเคหมด การที่ลูกไปกับผู้ปกครองเขาจะได้รู้ว่าผู้ปกครองทำอะไร แล้วเราก็คิดถึงสมัยที่เราเป็นเด็กนะ ไม่ว่าจะชอบอาชีพพ่อแม่เราหรือไม่ แต่อย่างน้อย เราก็ได้ทักษะอาชีพพ่อแม่เรามา ส่วนจะทำต่อหรือไม่ก็แล้วแต่
เราก็พูดกับลูกเหมือนกันว่า ตาน้ำ ไม่ว่าหนูจะชอบสิ่งที่แม่ทำหรือไม่ แม่อยากให้หนูทำเป็น อย่างน้อยเป็นความรู้ติดตัวหนูไป
เวลาช่วยแม่ทำงาน ตาน้ำชอบทำอะไรที่สุด
ตาน้ำ: อยู่เฉยๆ ข้างๆ
สร้อยแก้ว: อีกอย่างที่ช่วยแม่ได้คือ ช่วยจำรายละเอียดจุกจิก เช่น บางทีแม่รีบ ก็ให้ตาน้ำช่วยจดให้แม่หน่อย เหมือนเลขา แม่ขี้ลืม (ยิ้ม)
ตาน้ำ: มาก (ลืมอะไรบ้าง?) โทรศัพท์ กระเป๋าสตางค์
หยุดโรงเรียนบ่อยมีไม่สบายใจบ้างไหมว่าจะเรียนไม่ทันเพื่อน
ตาน้ำ: ไม่ สบายใจกว่าเดิมอีก เพราะไม่ต้องเรียน (ยิ้ม)
สร้อยแก้ว: แต่ถ้าตรงกับช่วงสอบไม่พาไปเลย เรารู้ว่ามันสำคัญ
หลังจากพาตาน้ำออกพื้นที่บ่อยๆ เห็นพัฒนาการอะไรของเขาบ้างไหมคะ
เราอาจจะเป็นคนที่เคร่งครัด เวลาเรามอบหมายอะไรซักอย่างคือลูกต้องเป๊ะ ถ้าแม่ไม่อยู่บ้าน เขาจะอยู่กับตายาย พี่จะสั่งเขาว่า บ้านต้องใส่กุญแจตรงโน้นตรงนี้ เปิดไฟหลอดนี้ ก่อนนอนปิดไวไฟ ซึ่งเขาจะเป็นคนทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ตายายบอกไม่ต้องห่วง สบายมากเรื่องนี้ เดี๋ยวตาน้ำจัดการ
ตอนพาไปแม่ฮ่องสอน เดินตามเส้นทางแม่น้ำยวม มันร้อนมาก หนนั้นให้จัดกระเป๋าไปเอง ปรากฏว่าเอาแต่ชุดกระโปรงไป เขาก็ใส่กระโปรงเดินตามตลอด ให้ช่วยถือขาตั้งกล้อง ก็ไม่บ่นนะ ระหว่างทางเจอทากดูด ก็ไม่ร้อง บอกว่า แม่ ตัวอะไรไม่รู้กัด เนี่ยคันๆ เราก็รู้สึกว่าดีแฮะ นึกว่าลูกจะกรี๊ด ร้อง
ช่วงเราถ่ายทำ เขาก็เล่นน้ำ บางทีด้วยความเป็นเด็กเขาก็ไม่ได้สนใจจะมาทำงานอยู่แล้ว เวลาที่เราคุยกับคนหาปลา เขาก็ไปเล่นของเขา เราก็ชำเลืองมองเป็นระยะ ถามว่าอันตรายไหมก็ห่วงอยู่เหมือนกัน
ประสบการณ์การพาไปทำงานด้วย มีเรื่องไหนบ้างไหมที่เขาทำเองได้โดยไม่ต้องสอนเลย
เรื่องการเลือกโรงแรม (ตอบทันที) ยิ่งเราเป็นผู้หญิงที่ต้องทำงานเดินทางบ่อย เลือกที่พักก็ต้องเลือกแบบที่มีกลอนข้างใน อย่าเอาแต่แบบมีลูกบิดอย่างเดียว นี่เขาจะจำเลย ทุกครั้งที่เลือก ถ้าเป็นโรงแรมที่ไม่รู้จักมาก่อนเราจะขอดูห้องก่อน ดูความปลอดภัยทั้งหมด เพราะไม่ใช่แค่เราคนเดียว มีลูกเราด้วย
สอง ถ้าสมมุติว่าเราได้พักที่มันดีๆ แล้วมันมีช่องตาแมว เราจะสอนเขาตั้งแต่เด็กๆ เลยว่า ใครมาเคาะต้องดูก่อน เขาจะเอาเก้าอี้ขึ้นมาปีนส่องก่อนเปิด จนถึงทุกวันนี้ ทริปล่าสุด เราเดินออกไปข้างนอก เขานั่งดูทีวี พอเคาะปุ๊บ เขาถามทันทีว่าใครคะ เขาจะฟังก่อนว่าเป็นเสียงแม่ไหม เขาถึงจะเปิดประตูให้
แล้วพอลงพื้นที่เสร็จกลับมา เป็นภาคของโพสต์โปรดัคชั่น ตาน้ำได้ช่วยอะไรไหม
ตรงนี้ไม่ได้ช่วยแล้ว ที่จริงเคยคิดอยากลองให้เขาทำดูบ้าง มาเป็นพิธีกรไหมลูก ถ้าหากทำงานกันสองคนกับลูกคือ หนึ่งเราได้เลี้ยงลูกด้วย สอง ก็เหมือนได้ทำอะไรด้วยกัน แล้วเราก็จะได้เงินด้วย แต่ตอนนี้เขายังไม่พร้อม
อีกเรื่องที่คิดว่าลูกได้คือความอดทน ตาน้ำเป็นเด็กที่หิวเร็วมาก แต่บางเช้าเราต้องรีบถ่ายเดี๋ยวแสงหมด ต้องจังหวะนี้เท่านั้น เขาโอเค กินหลังจากงานเสร็จ บ่อยมากเลยที่เราต้องออกกันแต่เช้าเพื่อไปให้ทันงาน เขาก็ตื่นได้ไม่มีปัญหาเลย ถ้าไปเจอคนครั้งแรก ก็จะสอนว่าอย่าหน้าบึ้ง หงุดหงิดแค่ไหนก็ให้พยายามยิ้ม หรือถ้าไม่ไหวจริงๆ อยู่ในรถเลย ไม่ต้องให้เขาเห็นหน้าเรา
เห็นว่ามีทำหนังสั้นแม่ลูกกันด้วย?
ทำเล่นๆ ค่ะ เราสองคนชอบสัตว์ ให้ตาน้ำคอยชวนเล่น แล้วเราก็ถ่าย สนุกๆ เฉยๆ
แต่เราเคยคิดว่า วันหนึ่งถ้าเราแม่ลูกเติบโตพอทั้งคู่ อยากทำคลิปการอ่านหนังสือ อยากทำแนะนำหนังสือ ผ่านเด็กคนหนึ่ง ผ่านสิ่งแวดล้อมที่ดีๆ เอาหนังสือใส่ตะกร้าให้ตาน้ำปั่นจักรยานไปกับหมา แล้วบอกว่าหนังสือเล่มนี้เป็นอย่างนี้นะ
เขาก็อยากทำ จริงๆ เขาชอบทำคลิปนะ (ยิ้ม) แต่แอบทำ เอาโทรศัพท์เราไปแอบทำ แล้วตัดต่อลงยูทูบด้วย อย่าง ปาเป้าอย่างไรให้ได้สตางค์ เขาชอบปาลูกดอกงานวัด จนเขาขอซื้อกระดานปาเป้า แม่ก็โอเคเพราะมันต้องฝึก
สิ่งหนึ่งที่พอยิ่งโตยิ่งเห็นชัดคือ ทุกครั้งที่ออกทริปกัน เขามีความสุขมาก เขาบอกว่าแม่ มันสนุกมาก ให้ลำบากกว่านี้ก็ไป
แต่จะอยู่กับเราตลอดเวลาก็ไม่ได้ เขาต้องมีสังคม พี่รู้สึกว่าคนเราอยู่กับสิ่งที่เราเลือกเองทั้งหมด บางทีมันอาจจะไม่ถูกก็ได้ บางทีสิ่งที่เราไม่ได้เลือกอาจจะดีก็ได้ ลองดูทางนี้ด้วย ผสมกันไป
การที่พ่อแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกันเขาเข้าใจแค่ไหน
เขาเข้าใจ แต่ว่าเด็กต้องมีอะไรในใจอยู่แล้ว เช่น ช่วงที่เรามีปัญหา เราอารมณ์เกรี้ยวกราด จริงๆ ถามว่าลูกมีผลกระทบไหม ก็มีแหละ แต่เขาเข้าใจไหม น้อยใจไหม เราว่าเขาไม่มีตรงนี้เท่าที่ดูจากการแสดงออก
เขารักพ่อ เด็กไม่ได้มารับรู้ปัญหาระหว่างกัน แต่ในความสัมพันธ์พ่อ-ลูก เขารู้เสมอว่าพ่อยังอยู่ ลูกก็มีความสุข
วางแผนมัธยมให้ตาน้ำอย่างไรบ้าง
ยังไม่แน่ใจ ถ้าลูกไม่เข้าเรียนตามระบบ ก็จะให้เรียน กศน. หรือไม่ก็โฮมสคูล ก็จะให้เขามาเรียนรู้และทำกิจกรรมตรงนี้ไปเลย ถ้าทำเป็นอาชีพได้ก็ทำไปเลย เราเป็นคนต้นทุนไม่สูง เราไม่มีเวลาเรื่อยเปื่อยมาก เรามีลูกตอนอายุเยอะด้วย ถ้าเขาเรียนจบมหา’ลัยตอนอายุ 22 แม่อายุ 60 แล้วนะ
คิดว่าคำว่าวิชาชีวิตที่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ ผ่านการลงมือทำ กับวิชาการในห้องเรียน ควรแบ่งสัดส่วนหรืออยู่ด้วยกันอย่างไร
ในห้องเรียนและนอกห้องเรียนสำคัญทั้งสองอย่าง แต่วิชาการในห้องเรียนก็ขึ้นอยู่กับครูผู้สอนด้วย ถ้าได้ครูที่เก่ง และมีเทคนิคการสอนที่ดีก็ถือเป็นโชคดีของเด็ก แต่ถ้าเป็นการอัดแน่นเนื้อหาเพียงเพื่อจะให้เด็กสอบได้คะแนนเยอะๆ อันนี้ไม่ค่อยเห็นด้วย เราให้ความสำคัญในเรื่องการทำความเข้าใจในเนื้อหา คิด วิเคราะห์เป็น แบบนี้มากกว่า และเราให้ความสำคัญกับการอ่าน อย่างไรเด็กต้องมีช่วงเวลานิ่งๆ อ่านอะไรไปยาวๆ นานๆ บ้าง เพราะความรู้คือขุมทรัพย์ รู้เรื่องในหลักการก่อน เวลาปฏิบัติจริงจะได้ไม่มั่ว หรือมั่วน้อยลง
ทุกวันนี้ ถ้าไม่นับวิชาคณิตศาสตร์ เราจะพบว่า ความรู้ด้านต่างๆ ของมนุษย์มีการปรับเปลี่ยน มีการค้นพบใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาในทุกแขนง อย่างวิชาวิทยาศาสตร์ จู่ๆ NASA บอกว่าดาวพลูโต ไม่ใช่ดาวเคราะห์ เป็นแค่ดาวเคราะห์แคระ หรือดื่มนมวัวเป็นผลดีหรือเสียกันแน่ น้ำมันหมูกับน้ำมันพืช อะไรดีกว่ากัน
ความรู้ยุคนี้มันเป็นเรื่องของการค้นคว้าและเอาข้อมูลมาสู้กัน แต่ตำราเรียนไทยเรายังไม่ทันสถานการณ์โลก และยิ่งวิชาประวัติศาสตร์ไทย เราไม่โอเคหลายเรื่องมาก ตำราเรียนของลูกยังบอกว่า ศิลาจารึกอักษรไทยอยู่ในยุคสมัยของพ่อขุนรามคำแหง ซึ่งเราก็ต้องมาอธิบายให้ลูกฟังว่า นักโบราณคดีเขามีการวิเคราะห์กันใหม่นะลูก ว่าน่าจะอยู่ในยุคสมัย ร.4 เพราะอะไร ก็เล่าให้ลูกฟัง แต่ถ้าลูกจะกากบาทเวลาออกข้อสอบก็กาไปตามแบบเรียนที่เขาสอนมาให้ได้คะแนนก็พอ แล้วก็เล่าประวัติศาสตร์ท้องถิ่นให้ลูกเข้าใจพอสังเขป ถ้าลูกสนใจก็ไปค้นคว้าต่อ ซึ่งยูทูบ กูเกิลมีหมด แต่ก็สอนเขาอีกว่า เว็บไหนน่าเชื่อถือ สอนให้ดูแหล่งที่มา คือการดูแลลูก มันต้องค่อยบอกค่อยสอนกันไปทีละหน่อยๆ ทุกวันๆ
แต่ประสบการณ์ผ่านการลงมือทำ อันนี้สำคัญมากเพราะมันคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ทำให้เรานำความรู้ในห้องเรียนมาใช้ให้เกิดประโยชน์จริงๆ ได้ลองผิดลองถูกและเราจะจำได้ดีกว่าการเรียนในห้องเรียนเสียอีก
วัดจากตัวเอง ป.1-ป.6 มีสองอย่างเท่านั้นที่เราจำได้แม่นมากคือ ตอนทำแกงส้มกับทำน้ำปู๋ที่โรงเรียนสอน มันอร่อย แต่ความรู้ทุกวันนี้มันเปลี่ยนรูปแบบไปจากเมื่อก่อนมาก เรามีสื่อใหม่เข้ามา ลูกอยากรู้เรื่องอะไร มันอยู่ในโลกออนไลน์หมดเลย ล่าสุดมีคนเรียน กศน. และสอบติดแพทย์ เราเลยไม่รู้สึกห่วงเรื่องวิชาการ แต่สิ่งที่เราอยากให้ลูกคือสังคม อยากให้มีเพื่อนวัยเดียวกัน สนุกสนานด้วยกัน
จนถึงวันนี้ ลูกสอนอะไรแม่บ้าง
สอนเยอะมากเลย ทั้งที่เขารู้ตัวและไม่รู้ตัว ตอนเรามีลูก เรามักจะได้ยินคำพูดว่าเหมือนเราได้เกิดใหม่ หรือลูกคือชีวิตของเรา แต่ที่จริง พอเรามีลูก เราคือชีวิตของลูก เด็กคนหนึ่งเกิดมา ถ้าแม่ไม่อยู่ซักคน เขาจะมีชีวิตต่อยากมาก
เวลาที่คุณโมโห เกรี้ยวกราดลูก ยังไงก็จะเจอดวงตาคู่หนึ่งมองมาที่คุณและบอกว่า เราคือชีวิตเขา บางทีเราลืมคิดไปว่า เด็กคนหนึ่งเกิดมา เขารู้แค่ว่าที่ที่ปลอดภัยที่สุดของเขา ก็คือแม่ไง
บางทีเราพาลูกไปไหนก็ตาม เขาไม่รู้หรอกว่าข้างหน้ามันอันตรายแค่ไหน แต่แม่พาไป เขาไปหมด เขาวางใจเรา รู้ว่าอยู่กับเราแล้วปลอดภัย หมายความว่าเรากำลังกุมชีวิตคนคนหนึ่งไว้กับเรา ซึ่งสิ่งนี้สำคัญมาก ทำให้เราต้องรับผิดชอบเขา มันเป็นหน้าที่เราที่จะทำให้ชีวิตเขาปลอดภัยที่สุด เติบโตให้ดีที่สุด
เขา (ลูก) คือคนที่ใกล้ชิดที่สุดและคอยสะท้อนสิ่งที่เราเป็น ให้เรากลับมาคิดและทบทวน และทำเพื่อตัวเองน้อยลง คิดถึงคนอื่นมากขึ้น
ตอนนี้ยังคิดถึงงานเขียนอยู่ไหม
คิดถึง แต่มันไม่รองรับเราเรื่องการใช้ชีวิต ความเป็นอยู่ งานเขียนมันใช้เวลาใช้สมาธิสูงมาก แล้วจะมีคนอ่านมากแค่ไหน เราไม่เคยโกรธสำนักพิมพ์ที่ไม่รับพิมพ์นะ เพราะทุกคนต้องอยู่ต้องกิน แต่ว่าเราจะหาทางออกของเรายังไง
พอมาทำสารคดีก็ชอบ จริงๆ มันมีความเหมือนกับงานเขียน มันคือการเล่าเรื่อง
ถ้าตอนนี้มีโอกาสเขียนนิทานหรือหนังสือสักเล่มหนึ่ง อยากเขียนเกี่ยวกับอะไร
เราอยากเขียนวรรณกรรมเยาวชนที่มันโลดโผน สำหรับเด็กโต นี่สัมผัสจากลูกนะ รู้สึกว่าวรรณกรรมเยาวชนบ้านเราชอบมีบล็อกให้เด็ก ให้เด็กเป็นแบบนั้นแบบนี้ ชอบคิดว่าเด็กยังคิดไม่ได้ เราทำให้เด็กดู เด๊กเด็ก ทั้งๆ ที่เด็กคือผู้ใหญ่ในร่างเด็กนะ
โดยส่วนตัว บางอย่างเราอาจให้ลูกทำเกินวัย แต่บางอย่างเขาก็ทำให้เห็นว่าเขาทำเต็มที่เท่าที่เขาจะทำได้ เราเห็นว่าเขาทำได้จริงๆ เช่น เขาเข้าใจกลไกโดรนดีกว่าเราอีก
เราจึงอยากเขียนวรรณกรรมเยาวชนที่สนุก ของฝรั่งอย่าง The Hunger Game มันสนุกเพราะเขารู้ว่าหัวใจคืออะไร เด็กต้องการอะไร อยากทำแบบนั้น
เรื่องความคิดอ่าน ความปรารถนาของเขาพอๆ กับเรา เวลาเสียใจ โกรธ อาย เขามีเหมือนเรา ผู้ใหญ่ชอบพูดว่าเป็นเด็กไม่ต้องอายหรอก ซึ่งเด็กมีสิทธิที่จะอาย แต่สิ่งหนึ่งที่เขามีเราไม่มีคือความเบิกบาน เขาหัวเราะได้ตลอดเวลา
พล็อตที่สนุกสำหรับเด็กในความคิดเรา ต้องไม่จำกัดด้วยคุณธรรม ศีลธรรม วรรณกรรมบ้านเรามันมักจบอยู่ตรงนี้ ชอบมีโจทย์มาให้ก่อน เช่น ส่งเสริมคุณค่าความเป็นไทย โจทย์มันไม่ได้ตั้งต้นที่เด็ก
เราอยากตั้งโจทย์จากเด็ก ความโลดโผน ความเบิกบาน เพราะเขาคือดอกไม้ที่เพิ่งบาน
เหตุผลที่เขาจะอ่านหนังสือสักเล่ม แค่ความรื่นรมย์ ความบันเทิง ก็พอแล้วนะ ส่วนใครอยากได้คติก็แล้วแต่หยิบจับไป อย่าสอนมาก เราเสนอแล้วให้เขาไปคิดต่อเอาเอง วรรณกรรมเยาวชนสำหรับเรา แค่สนุกก็พอแล้ว