Skip to content
การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้
  • Creative Learning
    Creative learningLife Long LearningUnique SchoolEveryone can be an EducatorUnique Teacher
  • Family
    Early childhoodHow to get along with teenagerอ่านความรู้จากบ้านอื่นFamily PsychologyDear Parents
  • Knowledge
    Character building21st Century skillsEducation trendLearning TheoryGrowth & Fixed MindsetGritEF (executive function)Adolescent BrainTransformative learning
  • Life
    Life classroomHealing the traumaRelationshipHow to enjoy lifeMyth/Life/Crisis
  • Voice of New Gen
  • Playground
    BookMovieSpace
  • Social Issues
    Social Issues
  • Podcasts
การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้
Space
7 November 2018

“ออกไปชมพิพิธภัณฑ์” ใบสั่งยาจากทีมแพทย์แคนาดา ใช้ศิลปะเยียวยาร่างกายและจิตใจ

เรื่อง กนกอร แซ่เบ๊

  • แพทย์แคนาดาสามารถออก ‘ใบสั่งยาให้ไปชมพิพิธภัณฑ์’ แก่ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น ภาวะซึมเศร้า โรคเบาหวาน โรคเรื้อรังต่างๆ
  • ประเด็นสำคัญอยู่ที่ cortisol และ serotonin เป็นฮอร์โมนความสุขจะหลั่งเมื่อออกกำลังกาย และเมื่อเดินชมพิพิธภัณฑ์
  • ศิลปะคือเครื่องมือที่จะส่งต่อ ‘การรักษา’ ได้ดีเทียบเท่ากับเครื่องมือแพทย์ทางรังสีวิทยาหรือมีดผ่าตัด

“เสียงหัวเราะอาจเป็นยาที่ดีที่สุด”

นอกจากเสียงหัวเราะจะช่วยเยียวยาร่างกายและจิตใจแล้ว ‘วัฒนธรรม’ ก็เป็นยามหัศจรรย์อีกตำรับสำหรับสุขภาพ

นั่นคือจุดเริ่มต้นความคิดและการผลักดันโครงการ ‘ใบสั่งยา-ให้ไปชมพิพิธพัณฑ์’ แก่ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น ภาวะซึมเศร้า โรคเบาหวาน โรคเรื้อรังต่างๆ ในเมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา

“วัฒนธรรมจะเป็นกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพในศตวรรษที่ 21” นาตาลี บอนดิล (Nathalie Bondil) ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์แห่งมอนทรีออลให้สัมภาษณ์ไว้ในหนังสือพิมพ์ Montreal Gazette หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษที่เก่าแก่ที่สุดของแคนาดา

Art Hive สถาบันนวัตกรรมที่มุ่งเน้นด้านศิลปะและความงาม และเป็นสตูดิโอของชุมชนที่ดูแลโดยนักบำบัดด้านศิลปะ ซึ่งผู้เข้าชมสามารถสร้างงานศิลปะเป็นของตัวเอง มีการจัดโปรแกรมเพื่อส่งเสริมให้ผู้เข้าชมมีความสุขผ่านงานศิลปะ รองรับด้วยงานวิจัยจากทีมแพทย์เกี่ยวกับประโยชน์ด้านสุขภาพของการเข้าชมพิพิธภัณฑ์

ปัจจุบันสถาบันนี้ได้ร่วมมือกับ ‘Médecins Francophones du Canada’ สมาคมการแพทย์ฝรั่งเศสในแคนาดา อนุญาตให้แพทย์ที่เป็นสมาชิกสามารถจ่ายยาชมพิพิธภัณฑ์แก่ผู้ป่วยได้

เฮเลน บอยเยอร์ (Hélène Boyer) รองประธานของสมาคมการแพทย์กล่าวว่า

“มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มากขึ้นที่พิสูจน์ว่าการบำบัดด้วยศิลปะเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพร่างกาย โดยจะช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมน cortisol และ serotonin ที่มีผลต่อการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ซึ่งฮอร์โมนทั้งสองตัวจะหลั่งออกมาเมื่อเราเข้าชมที่พิพิธภัณฑ์”

แพทย์ตั้งข้อสังเกตว่าศิลปะมีผลในเชิงบวกต่อผู้คนไม่ต่างจากการออกกำลังกาย ทศวรรษที่ 80 เป็นต้นมาแพทย์ได้รับมอบหมายให้สั่งผู้ป่วยของตนออกกำลังกาย เพราะการออกกำลังกายจะช่วยให้ผู้ป่วยหลั่งฮอร์โมนทั้งสอง ในทิศทางเดียวกัน บอยเยอร์ เชื่อว่าการเข้าชมพิพิธภัณฑ์สามารถรักษาอาการของผู้ป่วยทุกเพศทุกวัย และยังเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่มีความเสี่ยงในการออกกำลังกายหรือผู้สูงอายุ

บอยเยอร์ยังชี้ให้เห็นว่าศิลปะสามารถช่วยผู้ป่วยที่ประสบปัญหาทั้งทางร่างกายและจิตใจ

“ผู้คนมักคิดว่าการชมพิพิธภัณฑ์เป็นสิ่งดีต่อสุขภาพจิต และเหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้าหรือมีอาการทางจิตเท่านั้น ซึ่งเป็นความเชื่อที่ไม่จริง” บอยเยอร์กล่าว

ศิลปะมากกว่ายา ทั้งรักษาและป้องกัน

พิพิธภัณฑ์จะอนุญาตให้แพทย์จ่ายยารับชมพิพิธภัณฑ์ ‘ฟรี’ แก่ผู้ป่วยและผู้ดูแล 50 ครั้งต่อปี และในใบสั่งยาแต่ละชนิดอนุญาตให้ผู้ใหญ่เข้าไปชมได้ถึง 2 คน และเด็กอายุไม่เกิน 17 ปีอีก 2 คน

ซึ่งการรักษาแบบนี้ไม่เพียงได้รักษาเพียงแค่ผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังเป็นการดูแลเชิงป้องกันแก่ผู้ที่ต้องดูแลหรืออยู่กับผู้ป่วยอีกด้วย

ในสหรัฐอเมริกา The National Endowment for the Arts หรือ องค์การกองทุนเพื่อศิลปะแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระของรัฐบาลกลาง ทำงานร่วมกับแพทย์ในการบำบัดผู้ป่วยด้วยวัฒนธรรม มากว่า 10 ปีแล้ว

หลายๆ โรงพยาบาลตระหนักถึงประโยชน์และประสิทธิภาพของใบสั่งยาชนิดนี้ดี ในปี 2012 บทความในนิวยอร์คไทมส์ ที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์และฟื้นฟูจิตรกรรมฝาผนังของโรงพยาบาล Harlem ในนิวยอร์ค เผยคำอธิบายของ ชัค ซิโคนอลฟี (Chuck Siconolfi) สถาปนิกผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเพื่อดูแลสุขภาพ ไว้ตอนหนึ่งว่า

“ศิลปะคือเครื่องมือที่จะส่งต่อ ‘การรักษา’ ได้ดีเทียบเท่ากับเครื่องมือแพทย์ทางรังสีวิทยาหรือมีดผ่าตัดเลยทีเดียว”

อ้างอิง:
Doctors in Montreal can now prescribe a visit to an art museum

Tags:

พิพิธภัณฑ์ศิลปะบำบัด

Author:

illustrator

กนกอร แซ่เบ๊

อดีตนักศึกษามานุษยวิทยา เกิดในครอบครัวคนจีนจึงพูดจีนได้คล่องราวภาษาแม่ ปัจจุบันเป็นคุณน้าที่หลงหลานสุดๆ และขยันฝึกโยคะเกือบเท่างานประจำ

Related Posts

  • How to enjoy lifeBook
    MIND-BODY MEDICINE ปรับใจเยียวยากาย: ศาสตร์การบำบัดที่ทำให้คนกลับมาเข้าใจตัวเอง

    เรื่อง ภาพ บัว คำดี

  • Space
    มิวเซียมสยาม: (อยากให้) การมาพิพิธภัณฑ์คือเรื่องปกติ

    เรื่อง รชนีกร ศรีฟ้าวัฒนา ภาพ ณัฐชานันท์ กล้าหาญ

  • Early childhood
    PLAY THERAPY ให้การเล่นช่วยบำบัด เพราะเด็กถูกสั่งสอนมามากพอแล้ว

    เรื่อง ทิพย์พิมล เกียรติวาทีรัตนะ

  • How to enjoy lifeFamily Psychology
    SAND TRAY THERAPY: ปลดล็อคเรื่องเศร้าที่เล่ายากด้วยการบำบัดในถาดทราย

    เรื่อง

  • Voice of New Gen
    ‘WHITE MOUNTAIN, BLACK WATER’ ถ้าน้ำมีชีวิต เสียงมันจะเป็นยังไงนะ

    เรื่อง ทิพย์พิมล เกียรติวาทีรัตนะ

  • Voice of New Gen
  • Knowledge
  • Playground
  • Social Issues
  • Podcasts
  • Creative Learning
  • Life
  • Family

HOME

มูลนิธิสยามกัมมาจล

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

เลขที่ 19 เเขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

Cleantalk Pixel