- ห้องเรียนทางไกลของครูหมี – สินีนาฏ ยาหอม โรงเรียนบ้านกระถุน ในวันที่ครูและเด็กต้องห่างไกลกัน และผู้ปกครองขึ้นมามีบทบาทแทน ในงานเสวนา ‘ล็อกดาวน์ ไม่ล็อกการเรียนรู้ ครั้งที่ 1 กรณีศึกษาโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนาและเครือข่ายโรงเรียนพื้นที่นวัตกรรมจังหวัดศรีสะเกษ’
- ขั้นตอนสำคัญ คือ การตั้งโจทย์ เด็กๆ จะได้เรียนรู้ผ่านการลงมือปฎิบัติ ครูหมียกตัวอย่างวิธีให้โจทย์ของเธอกับเด็กๆ เธอจะตั้งโจทย์กว้างๆ เช่น งานบ้าน งานครัว งานสวน ฯลฯ ให้เด็กแต่ละชั้นออกแบบว่าเขาจะทำอะไรกับโจทย์นี้ ซึ่งเด็กป.1 เพิ่งเลื่อนชั้นจากอนุบาล อาจยังไม่สามารถวางแผนการทำงาน ให้ทำใบงานแทน ส่วนชั้นอื่นๆ ให้ออกแบบงานเอง โดยมีผู้ปกครองสวมบทบาทเป็นหน่วยสนับสนุน ให้ความช่วยเหลือ ตั้งคำถามชวนเด็กคิด ถ่ายผลงานส่งครูผ่านทางไลน์ เฟซบุ๊ก
- “เวลาทำงานผู้ปกครองจะคิดว่าลูกต้องมีชิ้นงานสวยๆ ส่งครู ครูบอกเลยว่าไม่ต้องการชิ้นงานสมบูรณ์แบบ แต่ต้องการกระบวนการที่เด็กลงมือทำ อยากให้ผู้ปกครองชวนเด็กตั้งคำถาม เช่น ทำไมเทผงชูรสขนาดนี้ จะมีวิธีแก้ปัญหายังไง”
“ความท้าทายของครู คือ การที่เด็กต้องอยู่กับตายาย…จะทำอย่างไรให้เขาทำได้ตามเป้าหมายที่ครูตั้งไว้ เป็นเรื่องยาก ครูต้องแบ่งกลุ่มเด็ก ข้อดีของโรงเรียนเราเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก จำนวนเด็กที่ดูแลมีน้อย ครูสามารถลงพื้นที่ไปดูได้เลย เช่น บริบทเด็กคนนี้ไม่สามารถเรียนแบบเพื่อน ก็ดูว่าจะเสริมเขายังไง ต้องคุยกับผู้ปกครองเยอะๆ แนะนำว่าต้องตั้งคำถามกระตุ้นเด็กแบบไหน ผู้ปกครองก็ให้ความร่วมมือดี”
ครูหมี – สินีนาฏ ยาหอม โรงเรียนบ้านกระถุน กล่าวในงานเสวนาออนไลน์ ‘ล็อกดาวน์ ไม่ล็อกการเรียนรู้ ครั้งที่ 1 กรณีศึกษาโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนาและเครือข่ายโรงเรียนพื้นที่นวัตกรรมจังหวัดศรีสะเกษ’ จัดโดย คณะอนุกรรมการด้านการสื่อสารและการมีส่วนร่วมในคณะกรรมการนโยบายพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ร่วมกับสำนักงานบริหารพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ที่ผ่านมา
พื้นที่แลกเปลี่ยนแนวทางการจัดการศึกษาในช่วงวิกฤตนี้ มีเป้าหมายให้ผู้เรียนเป็นเจ้าของการเรียนรู้ที่แท้จริง (Child Based Learning) ‘อยู่ที่ไหนก็เรียนได้ อยู่ที่ไหนก็ได้เรียน เปลี่ยน Living เป็น Learning’ นำโดยโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนาและโรงเรียนในเครือข่ายพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ โรงเรียนบ้านปะทายและโรงเรียนบ้านกระถุน (อ่านบทความ)
สำหรับโรงเรียนบ้านกระถุนเป็นโรงเรียนขยายโอกาสขนาดเล็ก เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้นวัตกรรมจิตศึกษา, PBL (Problem Based Learning), PLC (Professional Learning Community) และลดกลุ่มสาระการเรียนรู้จาก 8 วิชาเหลือ 4 วิชา ได้แก่ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และวิชาบูรณาการ
เนื่องจากบ้านกระถุนอยู่ในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา (อ่านบทความ) ทำให้สามารถออกแบบหลักสูตรได้เอง หลักสูตรที่โรงเรียนใช้เป็นหลักสูตรฐานสมรรถนะ ปรับให้เข้ากับเป้าหมายในการพัฒนาเด็กของโรงเรียน ‘รู้คิด จิตใจดี มีทักษะชีวิต’ ซึ่งทักษะสมรรถนะที่เด็กต้องมี ได้แก่ การจัดการตัวเอง การสื่อสาร การรวมพลังทำงานเป็นทีม การคิดขั้นสูง และการเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง
![](https://thepotential.org/wp-content/uploads/2021/09/บ้านกระถุน-1.jpg)
แน่นอนว่าสาเหตุที่โรงเรียนต้องปรับการเรียนการสอนมาจากสถานการณ์ที่ต้องเว้นระยะห่างป้องกันโรคระบาด ผู้อำนวยการโรงเรียนชวนครูและผู้ปกครองร่วมทำวง PLC หาคำตอบวิธีจัดการเรียนรู้ เริ่มด้วยการแบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มที่สามารถเรียนได้ดีช่วงนี้ กลุ่มที่เรียนได้ปานกลาง และกลุ่มที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ จากนั้นลงมือออกแบบการเรียนรู้ 3 ช่วง อนุบาล ประถมศึกษาตอนต้น และประถมศึกษาตอนปลาย ให้ครูดูแลช่วงชั้นละ 2 คน
ขั้นตอนสำคัญ คือ การตั้งโจทย์ เด็กๆ จะได้เรียนรู้ผ่านการลงมือปฎิบัติ ครูหมียกตัวอย่างวิธีให้โจทย์ของเธอกับเด็กๆ เธอจะตั้งโจทย์กว้างๆ เช่น งานบ้าน งานครัว งานสวน ฯลฯ ให้เด็กแต่ละชั้นออกแบบว่าเขาจะทำอะไรกับโจทย์นี้ ซึ่งเด็กป.1 เพิ่งเลื่อนชั้นจากอนุบาล อาจยังไม่สามารถวางแผนการทำงาน ให้ทำใบงานแทน ส่วนชั้นอื่นๆ ให้ออกแบบงานเอง โดยมีผู้ปกครองสวมบทบาทเป็นหน่วยสนับสนุน ให้ความช่วยเหลือ ตั้งคำถามชวนเด็กคิด ถ่ายผลงานส่งครูผ่านทางไลน์ เฟซบุ๊ก
![](https://thepotential.org/wp-content/uploads/2021/09/บ้านกระถุน-4.jpg)
สุดท้ายทำ AAR (After Action Review) ผู้ปกครองฟีดแบ็กว่าเห็นความเปลี่ยนแปลงของลูกด้านไหนบ้าง มีปัญหาอะไรที่ต้องการความช่วยเหลือ ส่วนครูก็ฟีดแบ็กว่ากิจกรรมที่เด็กคิดเขาได้พัฒนาทักษะสมรรถนะด้านใดบ้าง สุดท้ายให้เด็กเขียนสรุปว่าเขาได้องค์ความรู้อะไรจากการทำกิจกรรม
“พอต้องเจอสถานการณ์ที่ครูไม่สามารถเจอเด็ก ก็คิดว่าจะเรียนยังไงให้เด็กยังได้วิเคราะห์ ก็คือการตั้งโจทย์ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ซึ่งผู้ปกครองต้องเข้ามามีส่วนร่วม ช่วยกันคิดไทม์ไลน์การเรียนกับครู โจทย์หนึ่งใช้เวลาเรียน 1 – 2 วัน ผู้ปกครองและเด็กต้องมองเห็นเป้าหมาย รู้ว่าจะเดินไปยังไงให้ถึง
“กิจกรรมที่เด็กทำต้องมีวิชาหลักแทรกไปด้วย เช่น โจทย์งานครัว เด็กเลือกทำผัดกะเพราส่ง เราดูในคลิปเห็นเขาใส่ผงชูรสเยอะมาก เลยได้ไอเดียแทรกวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องชั่งตวงวัตถุดิบ หรือวิชาภาษาไทย เขียนคำศัพท์ที่เกี่ยวกับงานครัว อ่านคำศัพท์ มาแต่งเป็นประโยคที่ได้ใจความสมบูรณ์ และนำไปแต่งเป็นเรื่องราว ได้ทักษะลำดับเรื่องราวเป็น”
![](https://thepotential.org/wp-content/uploads/2021/09/บ้านกระถุน-3.jpg)
ครูหมีเน้นว่า จุดสำคัญที่ทำให้ดำเนินกิจกรรมการเรียนเช่นนี้ได้ ผู้ปกครองกับครูต้องร่วมมือกันมากๆ เธออธิบายว่า ผู้ปกครองสามารถโทรหาได้ตลอดเวลา ช่วยกันแนะนำ แก้ไขปัญหา
“เวลาทำงานผู้ปกครองจะคิดว่าลูกต้องมีชิ้นงานสวยๆ ส่งครู ครูบอกเลยว่าไม่ต้องการชิ้นงานสมบูรณ์แบบ แต่ต้องการกระบวนการที่เด็กลงมือทำ อยากให้ผู้ปกครองชวนเด็กตั้งคำถาม เช่น ทำไมเทผงชูรสขนาดนี้ จะมีวิธีแก้ปัญหายังไง”
ความร่วมมือระหว่างผู้ปกครองและคุณครูถือเป็นคีย์สำคัญในการจัดการศึกษาเวลานี้ เพราะไม่ใช่ผู้ปกครองทุกคนจะสามารถมีเวลาหรือความรู้ความเข้าใจในการสอนลูกได้ ต้องอาศัยคำแนะนำ การดูแลจากครู เพื่อให้มั่นใจว่าเด็กๆ ยังคงเติบโตและได้ประสิทธิภาพในช่วงเวลานี้