- ภาพยนตร์แอนิเมชันจากวอลท์ดิสนีย์สตูดิโอส์ ‘Zootopia 2 นครสัตว์มหาสนุก’ เขียนบทและกำกับโดย จาเรด บุช โดยมี ไบรอน ฮาวเวิร์ด เป็นผู้กำกับร่วม อำนวยการสร้างโดย อีเวตต์ เมอรีโน ผู้ชนะรางวัลออสการ์สาขาผู้อำนวยการสร้างยอดเยี่ยมจาก ‘Encanto’
- ภาคนี้นำเสนอภารกิจครั้งใหม่ของคู่หูตำรวจที่ถูกจับตามองมากที่สุด ‘จูดี้ ฮอปส์’ และ ‘นิค ไวลด์’ โดยมีงูพิษ ‘แกรี เดอ สเนค’ ปรากฏตัวพร้อมกับปริศนาและการค้นหาความจริงสุดท้าทาย ที่ตีแผ่ความย้อนแย้งของเมืองที่มีคำขวัญสวยหรูถึงการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
- ภาพยนตร์หยิบเพนพอยต์ของสังคมมนุษย์อย่างอคติ การเหมารวม การเลือกปฏิบัติ มาสอดแทรกในภารกิจและมิตรภาพของคู่หูต่างสายพันธุ์ สะกิดให้ผู้ชมตระหนักถึงความสำคัญของการยอมรับความแตกต่างหลากหลาย เพื่อสร้างสังคมในอุดมคติอย่างแท้จริง
…ไม่ใช่ความแตกต่างหรอกที่เป็นปัญหา
ปัญหามันอยู่ที่การไม่ยอมรับความแตกต่างต่างหาก…
ไม่น่าเชื่อว่าภาพยนตร์แอนิเมชันที่ใช้สัตว์หลากหลายสายพันธุ์เป็นตัวเดินเรื่อง อย่าง นครสัตว์มหาสนุก ‘Zootopia 2’ จะหยิบเพนพอยต์ในการอยู่ร่วมกันของสังคมมนุษย์ อย่างเรื่องอคติ การเหมารวม การตีตรา การเลือกปฏิบัติ มาสอดแทรกอยู่ภารกิจสุดป่วนของคู่หูตำรวจต่างสายพันธุ์ ‘จูดี้ ฮอปส์’ และ ‘นิค ไวลด์’ ได้อย่างมีมิติ ลึกซึ้ง เสียดสี แต่ก็สนุกสนาน อบอุ่นและมีความหวัง
Zootopia 2 ยังคงใช้มิตรภาพของสองคู่หู ‘จูดี้’ กระต่ายสาวผู้มีความใฝ่ฝันอยากเป็นตำรวจเพื่อทำให้โลกดีขึ้น แต่ถูกมองว่า ‘ทำไม่ได้’ จึงต้องคอยพิสูจน์ตัวเองอยู่ตลอด กับ ‘นิค’ สุนัขจิ้กจอกที่เคยติดอยู่กับการตีตราว่า ‘เจ้าเล่ห์’ จนเจ้าตัวเชื่อว่า ต่อให้ทำดีแค่ไหน ก็ไม่มีใครมองเห็น เป็นเส้นเรื่องหลัก ซึ่งในภาคแรกทั้งสองคนปฏิบัติภารกิจร่วมกันจนได้รับการยอมรับในฐานะคู่หูตำรวจที่เป็นดาวเด่นของเมือง และในภาคต่อนี้ทั้งสองเริ่มต้นภารกิจใหม่อีกครั้ง จนได้ไปเจอกับความลับของเมือง ที่มีงูพิษ ‘แกรี่’ เป็นจุดพลิกผัน
[บทความมีการเปิดเผยเนื้อหาภาพยนตร์]
งูพิษไม่ร้ายเท่า ‘ทัศนคติที่เป็นพิษ’
ต้องเรียกว่าเป็นความเหนือชั้นของคนเขียนบทมากๆ ที่เลือกใช้ ‘งูพิษ’ เป็นตัวผูกปมในเรื่องนี้ เพราะขึ้นชื่อว่า งูพิษ ใครๆ ก็คิดว่าต้องร้ายกาจแน่ๆ และยังรวมไปถึงสัตว์เลี้อยคลาน (Reptile) ที่เป็นภาพแทนของความน่ารังเกียจ แต่แล้วเมื่อความจริงถูกเปิดเผย กลับกลายเป็นว่า งูพิษต่างหากที่ถูกจัดฉากใส่ร้าย ขณะที่บรรดาสัตว์เลี้อยคลานทั้งหลายต่างถูกนายทุนที่หวังฮุบที่ดินบีบให้ออกไปจาก Zootopia เมืองที่ขายฝันว่าทุกชีวิตจะได้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ซึ่งในความเป็นจริงแล้วกลับเต็มไปด้วยการแบ่งแยก ความเหลื่อมล้ำ การเลือกปฏิบัติ ที่มาจากการเหมารวม (Stereotype) และเบียดขับสัตว์ที่แตกต่างและไร้อำนาจ …ไม่ต่างจากวิธีคิดของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘มนุษย์’ เลย
‘แกรี่ เดอ สเนค’ งูพิษที่พยายามพิสูจน์ความจริงเพื่อล้างตราบาปให้ครอบครัว พูดกับจูดี้หลังจากที่เรื่องทุกอย่างกำลังจะได้รับการเปิดเผยว่า
“ครอบครัวฉันพยายามจะพิสูจน์ว่าเราไม่ได้เป็นอย่างที่ใครๆ คิดมา 100 ปี ขณะใกล้ทำได้แล้ว พวกเขาก็ไม่ได้อยากให้ฉันแบกรับทุกอย่างไว้บนบ่าหรอก ….เพราะว่าฉันไม่มีบ่า” แกรี่ แอบปล่อยมุก
“จูดี้ โลกนี้ไม่ไม่เคยถูกกำหนดให้เป็นภาระบทบาทของสัตว์แค่ตัวเดียว เพราะงั้นยายทวดของฉันจึงอยากให้ Zootopia เป็นเมืองสำหรับสัตว์ทุกตัว ช่วยเหลือกันและกัน”
นอกจากจะไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่ใครคิด แกรี่ยังเป็นงูพิษที่ชอบแสดงความอ่อนโยนด้วยการกอด และเขายังช่วยให้เราเห็นถึงปัญหาที่ทำให้ความต่างกลายเป็นปัญหา ระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า
“มีสัตว์ที่แตกต่างกันอีกเยอะแยะ และบางครั้งเราก็ไปนึกถึงพวกเหตุผลเล็กๆ น้อยๆ ที่เราไม่เหมือนกัน ดังนั้นมันก็ทำให้เรากังวล แต่ถ้าเกิดว่าพวกเราหันหน้ามาคุยกัน
ถ้าเกิดเราพยายามเข้าใจกันและกัน เราก็จะเห็นว่าความแตกต่างของเราไม่ได้สร้างความต่างอะไรเลย เราจะเห็นซึ้งว่าสิ่งที่ทำให้ผมเป็นผม และคุณเป็นคุณ ช่วยให้เราแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และถ้าตั้งใจพวกคุณก็จะทำได้ในปีที่ 2”
ความต่างไม่อาจทำลาย ‘มิตรภาพ’ ขอเพียงมีความเข้าใจให้กัน
กลับมาที่คู่หูที่หลายคนลุ้นให้เป็นคู่รักอย่าง ‘นิค’ และ ‘จูดี้’ ทันทีที่เริ่มภารกิจครั้งใหม่ ทั้งสองดูจะยังหาจุดลงตัวไม่ได้ เพราะความต่างกันอย่างสุดขั้วระหว่างสุนัขจิ้งจอกกับกระต่าย หล่อหลอมทัศนคติ ความคาดหวัง และวิธีรับมือกับปัญหาที่ไปคนละทิศคนละทาง โดยเฉพาะเรื่องการแสดงความรู้สึก หนังถ่ายทอดมุมนี้ได้อย่างน่ารัก ในฉากที่บรรดาคู่หูผู้มีปัญหาจากความแตกต่างต้องเข้าคอร์สจิตบำบัด รวมทั้งจูดี้และนิค นอกจากเรื่องชวนอมยิ้มแล้ว มันยังแสดงให้เห็นว่าพวกเขาพยายามอย่างมากที่จะเข้าใจและปรับตัวเพื่อรักษามิตรภาพและการทำงานร่วมกันให้เป็นไปอย่างราบรื่น
แต่ก็นั่นแหละ…มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับคนที่มีความแตกต่างกันมากๆ ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ หนังได้คลี่คลายความไม่เข้าใจกันของคู่นี้ หลังจากที่จูดี้และนิคผ่านอุปสรรคความเป็นความตายมาด้วยกัน ทั้งคู่ได้เปิดใจพูดในสิ่งที่เคยเก็บงำไว้ แม้ประโยคเหล่านั้นจะไม่มีคำว่า ‘รัก’ สักคำ แต่เราก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันลึกซึ้ง ซึ่งกลายเป็นอีกฉากที่หลายคนประทับใจ
“ฉันไม่แคร์ว่าเราแตกต่างกัน เข้าใจไหม ที่ฉันแคร์น่ะคือเธอ แต่ฉันไม่เคยพูดเลย ฉันน่าจะพูดออกมาแต่ไม่พูด เพราะว่า…
ฉันคือผู้ที่ไม่มั่นคงทางอารมณ์ แหล่งกำเนิดความไม่สบายใจ ซึ่งไม่เก่งในเรื่องแสดงความรู้สึก คงเป็นเพราะฉันอยู่ลำพังมาตลอดชีวิต ไม่ใช่ข้ออ้างหรอก มันคืออย่างนี้
แทนที่ฉันจะบอกเธอว่าเธอคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับฉัน ฉันก็ล้อเลียนหูเธอ เวลาที่ฉันบอกว่าเธอพยายามมากเกิน ความจริงคือฉันแค่ไม่อยากให้เธอเจ็บตัว
เพราะว่าไม่มีใครแล้วในโลกนี้ที่สำคัญมากสำหรับฉันเท่าเธอ”
ทันทีที่นิคพูดจบ ‘จูดี้’ ก็ระบายความอัดอั้นในมุมของตัวเอง
“ฉันพยายามเกินไปนั่นแหละ เพราะลึกๆ ฉันกลัวว่าจะเป็นอย่างที่ใครต่อใครคิดจริงๆ แล้วฉันเก็บกดความไม่สบายใจ เพราะว่าฉันกลัวว่าจะดูอ่อนแอ เพราะฉันอยากเข้มแข็งและฉันคิดว่าตัวเองล้มเหลวตลอด
ฉันก็เก็บคำพูดนายมาคิดมาก เพราะทั้งชีวิตฉันมีแค่นายเท่านั้นที่เชื่อใจฉัน ในตอนที่ฉันไม่เชื่อใจตัวเองด้วยซ้ำ และฉันก็น่าจะบอกนายว่า ในโลกนี้ไม่มีใครอีกแล้วที่สำคัญสำหรับฉันเท่ากับนายเหมือนกัน”
นิคเองก็พูดต่ออีกว่า “ฉันมีแผลใจวัยเด็กที่ฉันยังไม่คลายปม ซึ่งฉันไม่ยอมพูดถึง เพราะฉันไม่กล้า…รับความจริง”
“ฉันไม่ได้สมัครเข้า ZPD (Zoopedia Police Department) เพราะฉันอยากเป็นตำรวจ แต่เพราะฉันอยากเป็นส่วนหนึ่งของฝูงมาตลอด และความคิดว่าต้องเสียเธอทำให้ฉันกลัว เพราะเธอคือฝูงฉัน”
จูดี้เองก็ไม่รีรอที่จะตอบกลับนิคในสิ่งที่เธอคิด… “ฉันก็สมควรใช้สัตว์นักบำบัดทั้งฝูง และฉันก็จะบอกเลยว่านายเป็นคู่หูเพียงหนึ่งเดียวที่ฉันต้องการจริงๆ เพราะว่านายคือก๊วนปุยของฉัน แปลว่าฝูงกระต่ายไงเล่า”
หลังจากเปิดเผยความรู้สึกที่มีต่อกัน แม้หนังจะไม่ได้พาทั้งคู่ข้ามเส้นคำว่า ‘เพื่อน’ หรือ ‘คู่หู’ ในภาคนี้ แต่ก็ทำให้ผู้ชมอินและฟินกับความรักไร้นิยามของนิคและจูดี้ไปตามๆ กัน …เป็นความรักที่ถูกแทนค่าด้วยความห่วงหาอาทร เห็นคุณค่าของการมีกันและกัน และยอมรับอีกฝ่ายในแบบที่เขาเป็น
เพราะในความสัมพันธ์ไม่ว่ารูปแบบไหนในโลกของความเป็นจริง แค่มีใครสักคนที่เห็นคุณค่าและเลือกที่จะรักษามิตรภาพไว้ โดยไม่ปล่อยให้ความต่างกลายเป็นรอยร้าวที่รอวันแตกสลาย …ก็ถือว่าแฮปปี้เอนดิ้งแล้ว