Skip to content
ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์
  • Creative Learning
    Everyone can be an EducatorUnique TeacherUnique SchoolCreative learningLife Long Learning
  • Family
    Early childhoodHow to get along with teenagerอ่านความรู้จากบ้านอื่นFamily PsychologyDear Parents
  • Knowledge
    Learning TheoryGrowth & Fixed MindsetGritEF (executive function)Adolescent BrainTransformative learningCharacter building21st Century skillsEducation trend
  • Life
    Healing the traumaRelationshipHow to enjoy lifeMyth/Life/CrisisLife classroom
  • Voice of New Gen
  • Playground
    BookMovieSpace
  • Social Issues
    Social Issues
  • Podcasts
ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์
Book
7 November 2025

52 เฮิรตซ์: บางคลื่นเสียงที่ไม่ได้ยิน อาจแจ่มชัดหากรับฟังด้วยหัวใจ

เรื่อง สิทธิพงศ์ อุรุวาทิน

  • ‘52 เฮิรตซ์… คลื่นเสียงที่ไม่มีใครได้ยิน’ เขียนโดย มาจิดะ โซโนะโกะ แปลโดย หนึ่งฤทัย ปราดเปรียว ว่าด้วยเรื่องราวของผู้คนที่ส่งเสียงออกไปแต่ไม่มีใครได้ยิน เปรียบกับวาฬโดดเดี่ยวความถี่ 52 เฮิรตซ์ในท้องทะเล
  • หนังสือบอกเล่าเรื่องราวของ ‘คิโกะ’ ‘อิโตชิ’ และ ‘คุณอัน’ สามตัวละครที่บอบช้ำจากความรัก การถูกทอดทิ้ง และการไม่เป็นที่เข้าใจ แต่ค่อยๆ เยียวยากันด้วย ‘การฟัง’ เสียงของอีกฝ่ายอย่างแท้จริง
  • ในห้วงมหาสมุทรอันกว้างใหญ่และลึกล้ำ เราทุกคนล้วนส่งเสียงเรียกร้องหาผู้ที่รับฟังเสียงของเรา จนอาจลืมไปว่า เราเองก็ต้องเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ เพื่อรับฟังเสียงที่ไม่มีใครได้ยินเช่นกัน

ว่ากันว่า ในห้วงมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ มีวาฬโดดเดี่ยวที่สุดอยู่ตัวหนึ่ง และวาฬตัวนั้น ถูกเรียกขานกันว่า วาฬ 52 เฮิรตซ์

ที่เอ่ยมาข้างต้น ไม่ใช่เรื่องเวิ่นเว้อเพ้อรำพัน แต่มันคือความจริง ย้อนกลับไปในปี 1989 นักสมุทรศาสตร์ของกองทัพเรือสหรัฐ ตรวจจับคลื่นเสียงวาฬที่ไม่ตรงกับวาฬชนิดไหนเลย เพราะเป็นเสียงที่อยู่ที่ระดับความถี่ 52 เฮิรตซ์

จากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ระบุว่า ‘วาฬ’ ซึ่งเป็นสัตว์สังคม สื่อสารกันด้วยคลื่นความถี่ ซึ่งแตกต่างไปตามชนิดของวาฬ เช่น วาฬสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ส่งเสียงร้องด้วยความถี่ 15-20 เฮิรตซ์ วาฬหลังค่อม สื่อสารกันที่ความถี่ 80-4000 เฮิรตซ์ ส่วนวาฬหัวทุย ร้องเรียกหากันที่ระดับความถี่ 100-30000 เฮิรตซ์ ในขณะที่โลมา สื่อสารกันที่ความถี่สูงกว่าพวกวาฬ คือ ที่ระดับความถี่ 150 กิโลเฮิรตซ์

เสียงของวาฬ 52 เฮิรตซ์ จึงไม่ตรงกับวาฬชนิดใดเลย หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า นั่นคือเสียงร้อง หรือบทเพลงของวาฬตัวหนึ่ง ซึ่งไม่มีวาฬตัวใดได้ยิน

นักวิทยาศาสตร์ เฝ้าติดตามตรวจจับคลื่นเสียงของวาฬ 52 เฮิรตซ์ ตั้งแต่ปี 1992 จนถึงปัจจุบัน และพบว่า เสียงของวาฬ 52 เฮิรตซ์ จะเกิดขึ้นปีละครั้ง โดยตำแหน่งที่ตรวจพบ มักอยู่ใกล้ฝูงของวาฬสีน้ำเงิน

แต่ที่น่าเศร้าที่สุด วาฬ 52 เฮิรตซ์ ไม่เคยได้รับเสียงตอบกลับจากวาฬตัวอื่นเลย

ไม่ต่างอะไรจากคนๆ หนึ่ง ที่พยายามส่งเสียงเรียกหาคนอื่น ทว่า กลับไม่เคยมีใครที่ได้ยิน หรือเข้าใจในเสียงเรียกนั้น และถ้าคุณคือคนๆ นั้น คุณจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร

เรื่องราวที่ว่า อยู่ในหนังสือชื่อ ‘52 เฮิรตซ์… คลื่นเสียงที่ไม่มีใครได้ยิน’ เขียนโดย มาจิดะ โซโนะโกะ แปลเป็นภาษาไทยโดย หนึ่งฤทัย ปราดเปรียว หนังสือเล่มนี้ บอกเล่าเรื่องราวของ ‘คิโกะ’ หญิงสาวผู้ขาดความรักตั้งแต่วัยเด็ก ชีวิตต้องพบกับความแหลกสลาย ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เรื่องราวของ ‘อิโตชิ’ เด็กชายผู้ถูกครอบครัวทำร้าย ทั้งร่างกายและจิตใจ จนกลายเป็นเด็กที่พูดไม่ได้ และเรื่องราวของ ‘คุณอัน’ ผู้ชายแสนอบอุ่นและใจดี ซึ่งเกิดมาในเพศของผู้หญิง พร้อมกับความรักที่เหมือนเสียงที่ส่งออกไปก็ไม่มีใครได้ยิน

ตัวละครทั้งสาม ไม่ต่างอะไรจากวาฬ 52 เฮิรตซ์ ซึ่งพยายามส่งเสียงร้อง ครั้งแล้วครั้งเล่า ปีแล้วปีเล่า แต่ไม่มีใครได้ยินหรือเข้าใจ เพราะคลื่นเสียงที่แปลกประหลาดแตกต่างจากคนอื่น

คิโกะ หรือที่เพื่อนๆ เรียกว่า คินาโกะ เกิดมาในครอบครัวที่บกพร่องเรื่องความรัก ตั้งแต่จำความได้ เธอถูกแม่ลงโทษและทุบตีอยู่เสมอ แต่เธอก็ยังรักแม่ และโหยหาความรักจากแม่ จนกระทั่งแม่แต่งงานใหม่ และมีลูกชายที่เกิดจากสามีใหม่ แม่เริ่มอารมณ์ดีขึ้น มีความสุขขึ้น และมีความรักมากขึ้น แต่เป็นความรักที่มอบให้กับสามีใหม่และลูกชาย ไม่เคยมีเผื่อให้คิโกะเลย

จากเด็กหญิงที่ร่าเริง พูดเก่ง ไม่กลัวใคร กลายเป็นหญิงสาวผู้เงียบขรึม ไม่พูดไม่จา ราวกับจะรู้ว่า ถึงเธอจะส่งเสียงร้องดังแค่ไหน แม่ของเธอก็ไม่เคยได้ยิน และดูเหมือนว่าจะมีใครคนอื่นได้ยินด้วย

จิตใจของคิโกะค่อยๆ แตกร้าวจนถึงจุดที่พร้อมจะพังทลายลงได้ทุกเมื่อ หลังเรียนจบมัธยม แม่สั่งให้เธออยู่บ้านทำหน้าที่พยาบาลพ่อเลี้ยงที่ป่วยหนักด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง คิโกะกลายเป็นที่รองรับอารมณ์และความรุนแรงจากพ่อเลี้ยง ซึ่งแม้จะพิการเดินไม่ได้ แต่ก็มีเรี่ยวแรงหยิบไม้ยาวมาฟาดใส่ทุกครั้งที่เธอทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ

สามปีที่คิโกะตกอยู่ในสภาพเหมือนตายทั้งเป็น พ่อเลี้ยงของเธออาการยิ่งทรุดหนัก หลังจากที่หมอบอกให้ทุกคนเตรียมทำใจ คิโกะเอื้อมมือไปจับแม่เพื่อปลอบใจ แต่สิ่งที่เธอได้กลับมาคือ ฝ่ามือแม่ที่ฟาดเข้าที่แก้ม

“เพราะแกไม่ดูแลพ่อให้ดียังไงล่ะ แกจงใจทำให้เขาป่วยใช่ไหม นางมารร้าย!” เสียงแม่ตวาด ก่อนจะร้องไห้และลงมือทำร้ายคิโกะ

“ลูกสาวคุณพยายามมากแล้ว คุณก็น่าจะรู้ อย่าตำหนิเธอเลย ก้าวข้ามมันไปด้วยกันเถอะนะ” หมอพูดขึ้น หลังจากพยาบาลพยายามช่วยกันห้ามปรามไม่ให้แม่ทำร้ายคิโกะ

“โกหก โกหกทั้งเพ ต้องเป็นเพราะมันอยู่แล้ว ควรจะเป็นมันที่เจ็บป่วย ไม่ใช่เขา ควรเป็นมันสิที่ตาย!”

คำพูดประโยคสุดท้ายจากปากแม่ ทำให้คิโกะบอกกับตัวเองว่า ไม่ไหวแล้ว เธอไม่ไหวแล้ว แล้วเธอก็เดินออกจากโรงพยาบาลเหมือนคนไร้ชีวิต ไร้จุดหมาย พร้อมจะโอบรับความตายได้ทุกเมื่อ

และตอนนั้นเอง คิโกะ ได้พบกับคุณอัน ผู้ชายที่แสนใจดีและอ่อนโยน

แม้ว่ามิฮารุ เพื่อนวัยเด็กของคิโกะ จะเป็นคนที่เข้ามาทักคิโกะ ในวันที่เธอเดินออกจากโรงพยาบาลอย่างไร้จุดหมาย แต่ในความเป็นจริง คุณอัน หรืออันโกะ เพื่อนรุ่นพี่ในที่ทำงานของมิฮารุ เป็นคนแรกที่สังเกตเห็นความผิดปกติของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่เดินหมดอาลัยตายอยากท่ามกลางผู้คนในค่ำคืนนั้น

คุณอันและมิฮารุ เข้ามาช่วยฉุดคิโกะจากหลุมลึกแห่งความแตกสลาย และคุณอันคือคนที่ไปเถียงกับแม่ของคิโกะ เพื่อขอให้คิโกะย้ายออกมาอยู่นอกบ้าน รวมทั้งติดต่อหาพยาบาลจากศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ เข้ามาช่วยรับหน้าที่พยาบาลพ่อเลี้ยงของคิโกะ

พูดอีกอย่างหนึ่งว่า คุณอันคือคนที่มอบชีวิตใหม่ให้แก่คิโกะ

ในวันที่คุณอันช่วยคิโกะขนของออกจากบ้าน คิโกะร้องไห้ระบายทุกสิ่งที่อยู่ในใจออกมา

“ฉันอยากให้แม่รัก ต้องทำยังไง แม่ถึงกลับมารักฉันอีก”

“ไม่เป็นไรนะ ฉันรับฟังทุกอย่าง ความรู้สึกของคินาโกะ ส่งไปไม่ถึงแม่ แต่ว่าถึงฉันนะ”

ความอบอุ่น เอื้ออาทร และหวังดีของคุณอัน คือสิ่งที่คิโกะรับรู้ได้ แต่นอกเหนือจากนั้น เธอไม่รู้เลยว่าคุณอันคิดกับเธออย่างไร เพราะคุณอันไม่เคยพูดออก หรือจริงๆ เขาพยายามส่งเสียงออกมาแล้ว หากแต่เป็นคิโกะต่างหาก ที่ไม่ได้ยินเสียงนั้น

กว่าที่คิโกะ จะรับรู้ถึงเสียงที่ระดับความถี่ 52 เฮิรตซ์ ของคุณอัน ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว

“ในชีวิตที่สองนี้ คินาโกะจะได้เจอจิตวิญญาณอีกครึ่งหนึ่ง ยังไงต้องได้เจอคนที่เป็นจิตวิญญาณอีกครึ่งหนึ่ง คนที่เธอทุ่มความรักให้และได้รับความรักอย่างท่วมท้น คินาโกะจะมีความสุข” นั่นคือคำพูดที่คุณอันเคยบอกกับคิโกะไว้

แต่ดูเหมือนว่า มันจะไม่เป็นเช่นนั้น ชีวิตที่เริ่มต้นใหม่ของคิโกะ แตกสลายลงอีกครั้ง เธอหลงเชื่อความรักที่ลวงหลอกของผู้ชาย ในขณะที่คุณอันพยายามทักท้วงอยู่ห่างๆ สุดท้าย ความรักครั้งนั้นก็ทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจของคิโกะ และที่สำคัญ ยังนำไปสู่จุดจบที่แสนปวดร้าวในความสัมพันธ์ระหว่างคิโกะและคุณอัน

คิโกะ ทิ้งทุกอย่างที่มี ทั้งงานและเพื่อนรักอย่างมิฮารุ หนีไปอยู่ที่บ้านหลังเล็กในเมืองริมทะเล ซึ่งเป็นบ้านของคุณยายของเธอ คิโกะ ไม่ได้ตั้งใจจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่หรอก เธอเพียงแค่ใช้ที่นี่เป็นที่พักพิงสุดท้ายสำหรับซากชีวิตที่เหลืออยู่

จนกระทั่ง คิโกะ ได้ยินเสียงที่ระดับความถี่ 52 เฮิรตซ์ จากเด็กชายผู้ไร้สุ้มเสียง

เด็กชายหน้าหวานเหมือนเด็กหญิง ชื่อ ‘อิโตชิ’ แต่ถูกตาของตัวเองเรียกว่า มูชิ (ซึ่งแปลว่าแมลง) ถูกชาวเมืองตราหน้าว่า เด็กสติไม่ดี พูดไม่ได้ สื่อสารกับใครก็ไม่ได้ ไม่ต่างไปจากสัตว์ป่าตัวหนึ่ง ครั้งแรกที่เจอกัน คิโกะไม่ได้เข้าใจอิโตชิหรอก แต่เธอรับรู้ได้ถึงคลื่นเสียงที่ไม่มีใครได้ยิน เพราะนั่นอาจเป็นคลื่นเสียงที่ระดับความถี่เดียวกับเธอ

ในการสื่อสารกับเสียงที่ไม่มีใครได้ยิน เราไม่ได้ใช้แค่ ‘หู’ หากแต่ต้องใช้ ‘หัวใจ’ ในการรับรู้ถึงเสียงนั้น

บางครั้ง การที่ใครบางคนไม่พูดอะไร ไม่ใช่เพราะเขาไม่มีอะไรจะพูด หากแต่เพราะเขาพูดไปแล้วไม่เคยมีใครตั้งใจฟัง เสียงของเขาจึงแผ่วลงจนกลายเป็นความเงียบ และในการที่จะได้ยินเสียงแห่งความเงียบนั้น จึงไม่ใช่การฟังเพื่อพยายามหาคำตอบ หากแต่เป็นการตั้งใจฟังเพื่อ ‘เข้าใจ’

และต่อให้ฟังแล้วยังไม่เข้าใจ การตั้งใจฟัง ยังเป็นสารที่ชัดเจนที่บอกกับเขาว่า “ฉันยังอยู่เป็นเพื่อนเธอตรงนี้นะ ถึงแม้ฉันจะยังไม่เข้าใจเธอก็ตาม”

ด้วยการรับฟังอย่างเงียบๆ และอดทน สุดท้าย คิโกะค้นพบความจริงที่แสนโหดร้ายของอิโตชิ ผู้ซึ่งในตอนแรกเธอตั้งชื่อว่า ‘ห้าสิบสอง’ เหมือนคลื่นความถี่เสียงของวาฬ ที่โดดเดี่ยวที่สุดในห้วงมหาสมุทร วาฬ ผู้ส่งเสียงร้องออกไป ทว่า ไม่มีใครได้ยิน 

ชีวิตของอิโตชิ แทบไม่ต่างจากคิโกะ เขาเกิดมาโดยไม่ได้รับความรักจากแม่ มิหนำซ้ำ ยังถูกแม่ทำร้ายจนกลายเป็นเด็กพูดไม่ได้ เพราะคำแรกที่เขาพูดได้ คือ คำว่า ‘ยาย’ แทนที่จะเป็นคำว่า ‘แม่’ ซึ่งทำให้แม่ของเขาโกรธจนใช้บุหรี่จี้ที่ลิ้นของเขา

อิโตชิเติบโตขึ้นมาภายใต้การดูแลแบบทิ้งๆ ขว้างๆ ของตา จนอยู่ในสภาพไม่ต่างจากเด็กจรจัดข้างถนน หรือสัตว์ป่าที่บาดเจ็บเจียนตายตัวหนึ่ง

ด้วยความช่วยเหลือของคิโกะและมิฮารุ ซึ่งตามหาตัวคิโกะจนเจอ อิโตชิ ได้พบกับชีวิตใหม่ เขาหลุดพ้นจากการเลี้ยงดูที่แสนโหดร้ายของแม่และตา โดยได้ยายเป็นผู้ปกครอง บวกกับเงื่อนไขว่า เมื่ออิโตชิอายุครบสิบห้าปี เขาสามารถยื่นเรื่องขอให้คิโกะเป็นผู้ปกครองได้

ในวันที่คิโกะ บอกกับอิโตชิอย่างมุ่งมั่นว่า เธอจะเป็นคนมอบชีวิตใหม่ให้แก่เขา เหมือนที่คุณอันเคยมอบชีวิตใหม่ให้แก่เธอ เธอพร้อมจะรับฟังเสียงของเขา แม้ว่าจะเป็นเสียงที่ไม่มีใครได้ยิน เฉกเช่นที่คุณอันตั้งใจฟังเสียงของเธอ ตอนนั้นเอง เด็กชายที่เหมือนเป็นใบ้ ก็ตะโกนเสียงดังว่า “คินาโกะ!”

หลังจากปิดหน้าสุดท้ายของหนังสือเล่มนี้แล้ว ผมเชื่อว่า เราทุกคนล้วนเป็นวาฬ 52 เฮิรตซ์ บางครั้งบางครา สุ้มเสียงของเรา อาจไม่ตรงกับระดับความถี่ที่คนอื่นจะสามารถเข้าใจได้ แต่จงมั่นใจเถอะว่า สักวันหนึ่ง เราจะพบคนๆ นั้น ซึ่งอาจจะเป็นครึ่งหนึ่งของจิตวิญญาณของเราก็ได้

ในห้วงมหาสมุทรอันกว้างใหญ่และลึกล้ำ เราทุกคนล้วนส่งเสียงเรียกร้องหาผู้ที่รับฟังเสียงของเรา จนอาจลืมไปว่า เราเองก็ต้องเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ เพื่อรับฟังเสียงที่ไม่มีใครได้ยินเช่นกัน และเมื่อนั้น เราอาจค้นพบวาฬที่มีคลื่นความถี่ตรงกับเราได้

Tags:

หนังสือ52 hz52 เฮิรตซ์... คลื่นเสียงที่ไม่มีใครได้ยิน

Author:

illustrator

สิทธิพงศ์ อุรุวาทิน

อดีตนักแปล-นักข่าว ปัจจุบันเป็นพ่อค้า พ่อบ้าน และพ่อของลูกชายวัยรุ่น รักหนังสือ ชอบเข้าร้านหนังสือ และชอบซื้อหนังสือมาดองเป็นกองโต

Related Posts

  • Book
    รวม 7 เล่ม หนังสือ ‘ฮีลใจ’ ที่ชวนให้หยุดโบยตีชีวิต แล้วผลิบานในจังหวะเวลาของตัวเอง

    เรื่อง พิรญาณ์ บุลสถาพร

  • Book
    หยุดเลี้ยงลิงในสมองคุณ: รู้ทันกลลวงของเจ้าลิงตัวนั้น แล้วจัดการความวิตกกังวลที่ก่อกวนชีวิตเรา

    เรื่อง อภิบาล ว่องวงษ์รักษ์

  • Book
    แบดบอยผู้น่ารัก ‘ฮักเกิลเบอร์รี่ ฟินน์’

    เรื่อง สิทธิพงศ์ อุรุวาทิน

  • Myth/Life/Crisis
    ดอเรียน เกรย์ : ความเหงาและหัวใจที่เชื่อมโยง

    เรื่อง ภัทรารัตน์ สุวรรณวัฒนา ภาพ กรองพร ทององอาจ

  • Family Psychology
    เล่าเรื่องอย่างใส่ใจใคร่ครวญ: พ่อแม่เข้าใจตัวเองมากเท่าไหร่ ยิ่งเข้าใจลูกมากเท่านั้น

    เรื่อง บุญชนก ธรรมวงศา

  • Social Issues
  • Podcasts
  • Creative Learning
  • Life
  • Family
  • Voice of New Gen
  • Knowledge
  • Playground

HOME

มูลนิธิสยามกัมมาจล

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

เลขที่ 19 เเขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

Cleantalk Pixel