Skip to content
เทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิก
  • Creative Learning
    Everyone can be an EducatorUnique TeacherUnique SchoolCreative learningLife Long Learning
  • Family
    How to get along with teenagerอ่านความรู้จากบ้านอื่นFamily PsychologyDear ParentsEarly childhood
  • Knowledge
    Growth & Fixed MindsetGritEF (executive function)Adolescent BrainTransformative learningCharacter building21st Century skillsEducation trendLearning Theory
  • Life
    Myth/Life/CrisisLife classroomHealing the traumaRelationshipHow to enjoy life
  • Voice of New Gen
  • Playground
    MovieSpaceBook
  • Social Issues
    Social Issues
  • Podcasts
เทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิก
Book
22 August 2025

คิมจียอง เกิดปี 82: ไม่ว่าจะสมัยแม่หรือสมัยนี้ ผู้หญิงก็ยังถูกกดทับด้วยความเหลื่อมล้ำทางเพศ

เรื่อง สิทธิพงศ์ อุรุวาทิน

  • คิมจียอง เกิดปี 82 เป็นหนังสือที่เขียนโดยนักเขียนหญิง ‘โชนัมจู’ ซึ่งทำยอดขายได้กว่า 2 ล้านเล่ม และกลายเป็นปรากฎการณ์ที่เรียกว่า ‘แรงกระเพื่อมของปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเพศของเกาหลี’ นับเป็นครั้งแรกที่ปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเพศในเกาหลี ซึ่งเคยถูกซุกไว้ใต้พรมจนหลายคนมองไม่เห็น ถูกหยิบยกขึ้นมาตีแผ่อย่างตรงไปตรงมา
  • เนื้อเรื่องในหนังสือ บอกให้เราได้รับรู้ถึงปัญหาจากค่านิยมเชิดชูเพศชาย ที่กลายเป็นแรงกดทับถาโถมเข้าใส่เพศหญิง โดยเฉพาะผู้หญิงที่อยู่ในฐานะ ‘ภรรยา’ และ ‘แม่’
  • ตราบใดที่ปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเพศ ยังเป็นแรงกดดันที่กดทับชีวิตผู้หญิงเกาหลีอยู่ คิมจียองคนต่อไป ก็คงเผชิญหน้ากับปัญหาที่ไม่แตกต่างจากคิมจียองคนก่อนๆ และรุ่นก่อนๆ

เมื่อพูดถึงเกาหลี หลายคนมักจะนึกถึงนักแสดงหญิงที่ใบหน้างดงามราวตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ ไม่ว่าจะเป็น ไอยู, ฮันโซฮี หรือรุ่นเก่าอย่าง จอนจีฮยอน ขณะที่อีกหลายคนนึกถึงไอดอลสาวจากวงการ K-Pop อย่าง เจนนี่ และจีซู จาก Blackpink หรือกระทั่งสาวน้อยวัยใสจากวงไอดอลรุ่นใหม่อย่าง Aespa

แต่สิ่งที่น่าเศร้าก็คือ ขณะที่พลังของเพศหญิงเป็นหนึ่งในตัวจักรสำคัญที่ขับเคลื่อนประเทศ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรม แต่เกาหลีใต้กลับได้ชื่อว่า เป็นหนึ่งในประเทศที่มีปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเพศรุนแรงและชัดเจนในหลายๆ ด้าน (แม้ว่าในภาพรวม ปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเพศของเกาหลี ไม่ได้ติดอันดับต้นๆ ของโลกก็ตาม) 

ผมเพิ่งอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวชีวิตอันแสนเศร้าของผู้หญิงชาวเกาหลี ที่ถูกกดทับด้วยค่านิยม จารีตประเพณี ที่ให้คุณค่าแก่เพศชายมากกว่า ทำให้ผู้หญิงกลายเป็นเหมือนชนชั้นสองของสังคม ที่มีสถานภาพต่ำกว่าผู้ชาย หากแต่กลับต้องแบกรับภาระความรับผิดชอบที่สูงกว่าหลายเท่าตัว

หนังสือเล่มนี้ มีชื่อว่า คิมจียอง เกิดปี 82 เขียนโดยนักเขียนหญิง โชนัมจู ผู้จบการศึกษาคณะสังคมวิทยา และผ่านประสบการณ์การทำงานสารคดีที่เน้นปัญหาเชิงโครงสร้างของสังคม ซึ่งเมื่อหนังสือเล่มนี้ออกวางจำหน่าย สามารถทำยอดขายได้กว่า 2 ล้านเล่ม และกลายเป็นปรากฎการณ์ที่เรียกว่า ‘แรงกระเพื่อมของปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเพศของเกาหลี’

นับเป็นครั้งแรกที่ปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเพศในเกาหลี ซึ่งเคยถูกซุกไว้ใต้พรมจนหลายคนมองไม่เห็น ถูกหยิบยกขึ้นมาตีแผ่อย่างตรงไปตรงมา ผู้หญิงหลายคนที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ต่างพูดกันว่า นี่คือเรื่องราวที่ไม่ต่างจากชีวิตของเธอ แต่ผู้ชายหลายคนโต้กลับอย่างดุเดือดว่า หนังสือเล่มนี้ เต็มไปด้วยอคติและตั้งใจโจมตีเพศชายอย่างไม่เป็นธรรม

หลังจากได้รับความนิยมและกลายเป็นกระแสของสังคม หนังสือเล่มนี้ ก็ถูกดัดแปลงสร้างเป็นภาพยนตร์ในชื่อภาษาอังกฤษว่า ‘Kim JiYoung : Born 1982’ นำแสดงโดยนักแสดงชื่อดังอย่าง กงยู และ จองยูมี

แต่ที่น่าเศร้าก็คือ ขณะที่ภาพยนตร์ (ซึ่งดัดแปลงจากหนังสือเล่มนี้) พยายามตีแผ่ปัญหาของเพศหญิงที่ถูกกดทับมาช้านาน ทว่า คิมจียอง เกิดปี 82 กลับต้องพบกับกระแสต่อต้านอย่างรุนแรง จนส่งผลกระทบไปถึงตัวนักแสดงหญิงของเรื่อง

จองยูมี นักแสดงนำหญิงของเรื่อง ถูกโจมตีอย่างหนักในสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งแน่นอนว่า กลุ่มที่โจมตีเธอ ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ถึงขั้นประนามว่า เธอขายตัวให้กับกระแสสตรีนิยม (Feminism) และผลกระทบจากเรื่องนี้ ทำให้ จองยูมี พลาดสัญญาโฆษณาหลายชิ้น เนื่องจากเจ้าของผลิตภัณฑ์เกรงว่า จะถูกกระแสต่อต้านจากลูกค้าที่เป็นเพศชาย

ไม่เพียงเท่านั้น ในช่วงที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉาย มีรายงานว่า คู่รักในเกาหลีใต้หลายคู่ ต้องเลิกรากัน เพราะการทะเลาะเบาะแว้งหลังการชมภาพยนตร์ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องความไม่เท่าเทียมทางเพศ โดยข่าวระบุว่า ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ได้มองว่า สิ่งที่ผู้หญิงต้องแบกรับ คือ ปัญหาความเหลื่อมล้ำ หากแต่เป็นสิ่งที่พึงปฏิบัติตามจารีตประเพณี

ขณะที่นักอ่านที่เป็นเพศหญิงหลายคน รวมถึง ไอรีน ไอดอลสาวจากวง Red Velvet ได้พูดถึงหนังสือเล่มนี้ว่า ทำให้เธอตระหนักถึงปัญหาที่ไม่เคยมองเห็นมาก่อน และแน่นอนครับ หลังจากคำพูดดังกล่าว แฟนเพลงที่เป็นผู้ชายหลายคน ออกมาตำหนิเธออย่างรุนแรง บางคนถึงขนาดเผารูปภาพของไอรีนเลยก็มี

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ผมเชื่อว่า หลายคนคงอยากรู้แล้วสิครับว่า หนังสือเรื่อง คิมจียอง เกิดปี 82 พูดถึงอะไร และทำไมต้องกลายเป็นกระแสต่อต้านอย่างรุนแรงขนาดนี้

คิมจียอง คือหนึ่งในชื่อที่ธรรมดาสามัญ หรือ ‘โหล’ ที่สุดของเกาหลี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในปี 1982 ข้อมูลทางสถิติของเกาหลีใต้ระบุว่า ชื่อ คิมจียอง เป็นชื่อที่ถูกตั้งให้แก่เด็กทารกหญิงที่เกิดในปีนี้มากที่สุด

นั่นหมายความว่า คิมจียอง ถูกนำมาใช้เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนผู้หญิงชาวเกาหลีทุกคน 

คิมจียอง ในหนังสือเล่มนี้ จึงมีชีวิตที่ไม่ต่างจากคุณยายขายไก่ทอดในกรุงโซล หรืออาจารย์สาวที่สอนในมหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา ผู้ต้องเผชิญปัญหาเรื่องสามีไม่ช่วยทำงานบ้าน หรือพนักงานหญิงในโรงงานอุตสาหกรรมที่เมืองอุลซัน ที่ถูกแม่สามีว่ากระทบเป็นประจำ เพราะไม่สามารถมีหลานชายให้เธออุ้มได้สักที

เพราะผู้หญิงชาวเกาหลีทุกคน ล้วนมีชีวิตที่ถูกกดทับด้วยปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเพศเหมือนๆ กัน

คิมจียอง ตัวละครเอกในหนังสือเล่มนี้ เป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกสาววัยสามขวบ ชื่อ ชองจีวอน อันที่จริงแล้ว ก่อนหน้าจะแต่งงานกับคุณชองแดฮยอน จียอง ทำงานที่บริษัทเอเจนซี่ขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ทว่าหลังจากคลอดลูกสาวแล้ว ด้วยเหตุผลต่างๆ นานาที่ผ่านการหารือกับสามีอย่างเคร่งเครียด เธอตัดสินใจลาออกจากงานที่รัก เพื่อจะได้ทุ่มเทเวลาเลี้ยงลูกสาว พร้อมกับทำงานบ้านเต็มตัว

แม้ว่าชองแดฮยอนจะเป็นผู้ชายที่จัดว่าดีเกินมาตรฐานผู้ชายเกาหลี เพราะเขาเต็มใจช่วยทำงานบ้านอย่างไม่อิดออด  แต่บางครั้ง จียองกลับอดไม่ได้ที่พูดโพล่งออกมา

“เลิกพูดสักทีได้ไหมไอ้คำว่าช่วยเนี่ย ช่วยงานบ้าน ช่วยเลี้ยงลูก ช่วยเรื่องงานฉัน นี่ไม่ใช่ครอบครัวพี่เหรอ งานบ้านไม่ใช่งานบ้านพี่งั้นสิ ลูกไม่ใช่ลูกพี่รึไง… ทำไมต้องพูดจาเหมือนตัวเองใจดีเสียเต็มประดา…”

นี่ไม่ใช่แค่อารมณ์เหวี่ยงวีนของผู้หญิงคนหนึ่ง แต่เป็นการระบายความอัดอั้นที่ทับถมอยู่ในใจต่างหาก เนื้อเรื่องในหนังสือ บอกให้เราได้รับรู้ถึงปัญหาจากค่านิยมเชิดชูเพศชาย ที่กลายเป็นแรงกดทับถาโถมเข้าใส่เพศหญิง โดยเฉพาะผู้หญิงที่อยู่ในฐานะ ‘ภรรยา’ และ ‘แม่’

จากข้อมูลทางสถิติบ่งชี้ว่า ถึงแม้ผู้หญิงเกาหลี จะมีโอกาสเข้าถึงสวัสดิการต่างๆ เช่น การศึกษาและสาธารณสุข ไม่ต่างจากผู้ชาย แต่สำหรับโอกาสในการทำงานแล้ว ผู้หญิงเกาหลียังคงต้องเผชิญกับความไม่เท่าเทียมทางเพศ อีกทั้งยังได้รับค่าตอบแทนในการทำงานที่น้อยกว่าด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อผู้หญิงถูกหยิบยื่นสถานะภาพ ‘แม่’ เหมือนเช่นจียอง เธอกลับต้องเผชิญแรงกดดัน ทั้งจากที่ทำงาน สมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัว หรือแม้กระทั่งคนแปลกหน้าในสังคม

ตอนที่ยังไม่คลอดลูกและยังทำงานอยู่ ถึงแม้จียองจะได้รับการอนุโลมจากบริษัท ให้สามารถเข้างานสายกว่าเดิมสามสิบนาที (แต่ก็ต้องชดเชยกับการออกจากที่ทำงานช้ากว่าเดิมสามสิบนาที) เธอได้ยินเสียงพูดอย่างไม่ตั้งใจจากเพื่อนร่วมงานผู้ชาย

“โห ดีจัง ทีนี้ก็มาทำงานสายได้แล้ว”

หรือตอนที่เธอท้องโย้ขึ้นรถไฟไปทำงาน ก็ต้องได้ยินเสียงนินทาจากผู้โดยสารบนรถไฟ

“คนหิวเงินขนาดท้องโย้ยังถ่อสังขารนั่งรถไฟใต้ดินไปทำงาน จะมีลูกหาวิมานอะไร”

หรือตอนที่ยังไม่รู้เพศของลูกในท้อง จียอง ก็ต้องพบกับแรงกดดันจากพ่อแม่สามี ที่คาดหวังจะได้อุ้มหลายชาย ตามค่านิยมเชิดชูเพศชาย ซึ่งเป็นมรดกตกทอดจากลัทธิคำสอนของขงจื๊อ

หรือต่อให้ไม่มีแรงกดดันเรื่องต้องได้ลูกชาย ผู้หญิงเกาหลี ก็หนีไม่พ้นแรงกดดันที่มาพร้อมกับการยกย่องเชิดชู ‘ความเป็นแม่’ ตั้งแต่การคลอดโดยธรรมชาติ (ยิ่งเจ็บปวดมาก ก็ยิ่งทำให้ความเป็นแม่สูงส่งขึ้นมาก) การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ (ต้องกินอาหารดีๆ เพื่อให้มีน้ำนมเยอะๆ) และการอดหลับอดนอนเพื่อเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด 

ราวกับว่า ความเป็นแม่ คือ การบำเพ็ญทุกขกิริยาเพื่อนำพาดวงวิญญาณพวกเธอไปสู่สรวงสวรรค์

แรงกดดันจากความไม่เท่าเทียมทางเพศ ส่งผลทำให้จียอง เริ่มมีพฤติกรรมผิดแผกไปจากปกติ บางครั้งเธอเรียกสามีว่า ‘คุณลูกเขย’ ซึ่งเป็นคำเรียกที่แม่ของเธอใช้เรียกชองแดฮยอน อีกทั้งน้ำเสียงและการใช้ถ้อยคำในการพูด ก็เหมือนกับที่แม่ของจียองใช้ไม่ผิดเพี้ยน

นอกจากแสดงบุคลิกของแม่แล้ว บางครั้งจียองยังแสดงบุคลิกและการพูดจาของ ชาซึงยอน เพื่อนสนิทที่เสียชีวิตไปแล้วของจียองและชองแดฮยอน

ที่น่าสนใจก็คือ ทุกครั้งที่จียองแสดงอาการเหมือนกลายเป็นคนอื่น คำพูดที่เธอหลุดปากออกมา ล้วนแต่บอกเป็นนัยๆ ถึงความอัดอั้นในใจที่จียองต้องแบกรับ ไม่ว่าจะเป็น

“นี่แดฮยอน หมู่นี้จียองเหนื่อยมากนะ… จิตใจเธอว้าวุ่นมาก นายต้องพูดชมเธอบ่อยๆ ว่าเธอเก่ง เธอทำดีแล้ว” จียอง พูดด้วยน้ำเสียงและบุคลิกของชาซึงยอน

หรือตอนที่จียอง เหมือนกับถูกวิญญาณแม่เข้าสิง พูดโพล่งออกมาใส่หน้าพ่อสามี ในช่วงเทศกาลชูซ็อก ที่คนเกาหลีมักจะกลับไปเยี่ยมพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ ซึ่งด้วยค่านิยมเพศชายเป็นใหญ่ จึงกลายเป็นว่า ครอบครัวฝ่ายสามีจึงมีความสำคัญมากกว่า และทำให้จียอง แทบไม่มีโอกาสได้กลับไปเยี่ยมครอบครัวของเธอเลย

“คุณพ่อลูกเขย ฉันขอเสียมารยาทสักหน่อยเถอะ ครอบครัวน่ะมีแค่บ้านฝ่ายสามีเสียที่ไหน ทางฉันก็เป็นครอบครัวเหมือนกันนะ… ก็ต้องให้ลูกสาวฉันได้กลับบ้านแกบ้างซี”

ชองแดฮยอนคิดว่าภรรยาของตนอาจจะป่วยทางจิต จึงตัดสินใจพาจียองไปพบจิตแพทย์ ซึ่งการไปพบจิตแพทย์ ได้เปิดโอกาสให้จียอง ได้บอกเล่าเรื่องประวัติของเธอตั้งแต่วัยเด็ก และทำให้ผู้อ่านอย่างผม ได้ตระหนักว่า ชีวิตของจียองต้องพบกับปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเพศมาตั้งแต่เด็ก

คิมจียอง เกิดในครอบครัวที่มีสมาชิก 6 คน คือ พ่อ แม่ ย่า พี่สาว ตัวเธอ และน้องชาย อาศัยอยู่รวมกันในบ้านหลังเล็ก

ตั้งแต่จำความได้ จียองถูกปลูกฝังให้ยอมรับและเชื่อว่า เพศชายมีความสำคัญกว่า เวลาตักข้าวให้คนในบ้าน ต้องตักให้พ่อก่อน ตามด้วยน้องชาย แล้วค่อยเป็นย่า กับข้าวก็เช่นกัน อาหารดีๆ ก็ต้องยกให้น้องชาย ส่วนเธอและพี่สาว จะได้กินแต่ชิ้นที่หักๆ บิ่นๆ

ไม่ใช่แค่ จียองและพี่สาว แม้แต่แม่ของพวกเธอ ก็เคยถูกกดทับด้วยแรงกดดันของการให้ค่าเพศชาย แม่มักจะชมจียองและพี่สาวว่า เป็นพี่ที่น่ารัก ดูแลน้องเก่งและไม่อิจฉาน้อง ซึ่งคำพูดที่พูดย้ำๆ ทำให้จียอง ยิ่งไม่กล้าแม้แต่จะคิดอิจฉาน้องชาย

แม่ของจียอง เคยเล่าให้จียองฟังว่า แม่เคยคิดอยากเป็นครู

“แล้วทำไมแม่ไม่เป็นครูล่ะจ๊ะ”

“แม่ต้องทำงานหาเงินค่าเล่าเรียนให้พวกพี่ชายน่ะสิ ก็เป็นแบบนั้นกันหมดแหละ เด็กผู้หญิงสมัยนั้น”

แม่ของจียองคงไม่รู้หรอกว่า ไม่ใช่แค่ผู้หญิงในสมัยของแม่หรอก ผู้หญิงในสมัยลูกสาวของแม่ ก็ยังต้องเสียสละโอกาสความก้าวหน้าทางการศึกษาให้แก่น้องชายหรือพี่ชาย

แม้แต่ในตอนที่จียอ จบการศึกษาและได้เข้าทำงานแล้ว เธอก็ยังหนีปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเพศไม่พ้น ตั้งแต่ตอนเป็นพนักงานหญิงหน้าใหม่ เธอต้องทำตัวเป็นรุ่นน้องที่น่ารัก ด้วยการเสิร์ฟกาแฟให้พนักงานรุ่นพี่ เป็นธุระโทรสั่งอาหารให้ทุกคน รวมถึงเช็ดล้างถ้วยชามที่กินเสร็จ ซึ่งแน่นอนว่า หน้าที่เหล่านี้ พนักงานหน้าใหม่ที่เป็นผู้ชายไม่จำเป็นต้องทำ

และตอนที่น่าสะเทือนใจที่สุดอีกตอนหนึ่ง คือ ตอนที่จียอง คลอดน้องจีวอนแล้ว วันนั้น เธอรับลูกสาวจากสถานรับดูแลเด็กเพื่อพากลับบ้าน ระหว่างทางอากาศดีจนจียองตัดสินใจเข็นรถพาลูกสาวเข้าพักเหนื่อยและจิบกาแฟในสวนสาธารณะ และในตอนนั้นเอง เธอก็ได้ยินเสียงจากกลุ่มชายหนุ่มพนักงานบริษัท ที่มาซื้อกาแฟร้านเดียวกับเธอว่า

“วาสนาใครจะดีเท่านางปลิง… อยากถลุงเงินผัวซื้อกาแฟกินร่อนไปร่อนมาแบบนั้นบ้างจัง… กูไม่ขอแต่งกับสาวเกาหลีหรอก”

ในตอนท้ายของหนังสือ เป็นการเล่าเรื่องราวผ่านปากคำของจิตแพทย์ผู้ให้คำปรึกษาแก่จียอง จิตแพทย์หนุ่มใหญ่ ซึ่งตอนแรกคิดว่า จียองน่าจะมีอาการต่อเนื่องจากภาวะซึมเศร้าหลังคลอด สู่ภาวะซึมเศร้าขณะเลี้ยงบุตร แต่หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว เขาถึงกับตกใจที่ได้รับรู้สิ่งที่ไม่เคยฉุกใจคิดมาก่อน

ถึงอย่างนั้น จิตแพทย์ชายวัยสี่สิบมั่นใจว่า เขาน่าจะหาวิธีบำบัดให้จียองได้ เพราะตัวเขาเองก็มีภรรยาที่ต้องละทิ้งงานที่รัก ละทิ้งความฝัน เพื่อมาทำหน้าที่ภรรยาและแม่ ไม่ต่างจากคิมจียอง

ไม่ว่าท้ายที่สุด คิมจียอง ผู้เกิดในปี 1982 จะหายจากอาการป่วยแปลกประหลาดนี้หรือไม่ แต่ตราบใดที่ปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเพศ ยังเป็นแรงกดดันที่กดทับชีวิตผู้หญิงเกาหลีอยู่ คิมจียองคนต่อไป ก็คงเผชิญหน้ากับปัญหาที่ไม่แตกต่างจากคิมจียองคนก่อนๆ และรุ่นก่อนๆ

Tags:

หนังสือFeministคิมจียอง เกิดปี 8282년생 김지영Kim Jiyoung Born 1982

Author:

illustrator

สิทธิพงศ์ อุรุวาทิน

อดีตนักแปล-นักข่าว ปัจจุบันเป็นพ่อค้า พ่อบ้าน และพ่อของลูกชายวัยรุ่น รักหนังสือ ชอบเข้าร้านหนังสือ และชอบซื้อหนังสือมาดองเป็นกองโต

Related Posts

  • Book
    ระลอกคลื่นยามค่ำคืน : อยู่อย่างไรในวันที่ส่วนหนึ่งของชีวิตล้มตายจาก

    เรื่อง สิทธิพงศ์ อุรุวาทิน

  • Transformative learning
    เอื้อระบบนิเวศ เพื่อครูเป็นผู้ก่อการ: 10. โยงสู่บริบทการศึกษาไทย

    เรื่อง ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • Book
    ชั้นหนังสือของเด็ก Gen Z

    เรื่อง สิทธิพงศ์ อุรุวาทิน

  • Book
    ส่งท้ายปี 2020 ด้วยหนังสือ 10 เล่ม ที่เหมาะกับการอ่านเพื่อการ ‘มูฟออน’

    เรื่อง ขนิษฐา ธรรมปัญญาภัทรอนงค์ สิรีพิพัฒน์

  • Character buildingBook
    ‘HOW TO RAISE YOUR SELF-ESTEEM’ เพียงแค่รักและไว้ใจตัวเอง เราจะเป็นได้ทุกอย่างในชีวิตนี้

    เรื่อง วิรตี ทะพิงค์แก ภาพ บัว คำดี

  • Creative Learning
  • Life
  • Family
  • Voice of New Gen
  • Knowledge
  • Playground
  • Social Issues
  • Podcasts

HOME

มูลนิธิสยามกัมมาจล

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

เลขที่ 19 เเขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

Cleantalk Pixel