- แนวคิดหลักของ Data Driven School คือการตัดสินใจบนฐานข้อมูล ไม่ใช่ความรู้สึก ซึ่งจะสามารถช่วยเหลือเด็กๆ ได้ตรงจุด ตามบริบทเฉพาะรายบุคคล ที่สำคัญจะช่วยพัฒนาโรงเรียนได้อย่างต่อเนื่องจากข้อมูลย้อนกลับ
- ผอ.ปัฐน์ศรัญย์ จิตต์ประยูร ผู้อำนวยการโรงเรียนพินิจอนุสรณ์ จังหวัดนครสวรรค์ ให้ความสำคัญกับ ‘พลังของข้อมูล’ ที่ตรงจริง ในการใช้บริหารจัดการและนำมาพัฒนาคุณภาพผู้เรียน รวมถึงเชื่อมข้อมูลกับกระบวนทัศน์ ‘จิตศึกษา’ พัฒนาคุณค่าจากภายใน ด้วยการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ข้อมูลได้ทำงาน
- “ข้อมูลที่ตรงจริงจะเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนให้เราสามารถเรียนได้อย่างเป็นระบบ แล้วเด็กก็จะไม่หลุดออกจากการศึกษา เราจะเปลี่ยนแปลงโรงเรียนได้ โรงเรียนจะไม่ใช่โรงสอนอีกต่อไป แต่เป็นพื้นที่แห่งความปลอดภัยให้เด็กได้เติบโตในสิ่งที่เขาเป็น”
“ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ ข้อมูลที่ตรงจริง จะสามารถเปลี่ยนแปลงโรงเรียนได้อย่างแท้จริง”
นั่นเป็นแนวคิดของ ผอ.ปัฐน์ศรัญย์ จิตต์ประยูร ผู้อำนวยการโรงเรียนพินิจอนุสรณ์ จังหวัดนครสวรรค์ ที่กล่าวไว้บนเวทีการจัดการความรู้ School Zero Dropout ภาคเหนือ ‘พลังความร่วมมือ’ การขับเคลื่อนโรงเรียนพัฒนาตนเอง (TSQM) ณ จังหวัดพิษณุโลก
“ผมอยากจะชวนพี่น้องการศึกษาทุกคนลองร่วมกันคิด ร่วมกันฝันที่จะเปลี่ยนแปลงโรงเรียน ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงด้วยงบประมาณนะครับ แต่สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงนั้นได้คือ พลังของข้อมูล”
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัจจุบันนี้ ข้อมูล (Data) คือปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนทุกระบบ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม การเมือง กระทั่งการศึกษาเองก็เช่นกัน โรงเรียนพินิจอนุสรณ์ เป็นโรงเรียนสามัญที่เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในแต่ละปีมีตัวเลขเด็กที่มีความเสี่ยงที่จะหลุดออกจากระบบการศึกษาอยู่บ้าง แต่ด้วยเพราะไม่มีข้อมูลที่ตรงจริง ปัญหาจึงยังไม่ได้รับการแก้ไข
“ผู้ที่มีข้อมูลที่ตรงจริง จะสามารถช่วยในการวิเคราะห์ วางแผน และกำหนดทิศทางได้อย่างชัดเจน โรงเรียนจึงจำเป็นต้องไปสู่การเป็น Data Driven School เพื่อที่จะนำข้อมูลนั้นเอาไปใช้ในการบริหารจัดการ และนำมาพัฒนาคุณภาพผู้เรียนของเรา เพราะว่าสิ่งสำคัญคือเด็ก เด็กของเราคือของขวัญล้ำค่าที่จักรวาลมอบให้ และนี่คือจุดเริ่มต้นที่เรานำข้อมูลมาใช้”
เมื่อโลกเปลี่ยน โรงเรียนก็ต้องเปลี่ยนตาม โรงเรียนพินิจอนุสรณ์ เลือกที่จะใช้ข้อมูลนำทางเพื่อการพัฒนา โดยแนวคิดหลักของ Data Driven School คือการตัดสินใจบนฐานข้อมูล ไม่ใช่ความรู้สึก ซึ่งจะสามารถช่วยเหลือเด็กๆ ได้ตรงจุด ตามบริบทเฉพาะรายบุคคล ที่สำคัญจะช่วยพัฒนาโรงเรียนได้อย่างต่อเนื่องจากข้อมูลย้อนกลับ
“เรามีแนวคิดหลักเพื่อเปลี่ยนแปลง หนึ่งก็คือเพื่อใช้ในการตัดสินใจ สองเพื่อใช้ในการช่วยเหลือเด็ก และสามใช้ในการบริหารจัดการโรงเรียนให้มีประสิทธิภาพ แนวคิดสำคัญทั้ง 3 แนวคิดนี้จะไม่สามารถขับเคลื่อนได้ ถ้าข้อมูลนั้นไม่ได้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย เราจึงนำแนวคิด กระบวนทัศน์จิตศึกษา มาเชื่อมโยงกับข้อมูลที่มีหัวใจ ทำให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับข้อมูลนั้น ทำให้ครูเห็นเด็กได้อย่างแท้จริง ครูสามารถเปิดหูรับฟังเสียงของเด็ก
ข้อมูลอาจจะไม่มีค่า ถ้าเราไม่ได้ฟังด้วยหัวใจ สิ่งสำคัญที่จะขับเคลื่อนข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพก็คือคุณครู”
เมื่อมีข้อมูลและพื้นที่ปลอดภัยแล้ว จะใช้ข้อมูลนั้นอย่างไรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ผอ.ปัฐน์ศรัญย์ บอกว่า จะต้องเชื่อมข้อมูลกับกระบวนทัศน์ ‘จิตศึกษา’ พัฒนาคุณค่าจากภายใน ด้วยการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ข้อมูลได้ทำงาน เน้นความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างครูกับเด็ก จัดการศึกษาที่ยืดหยุ่น ที่สำคัญต้องแสดงข้อมูลที่มาจากเรื่องราวของชีวิตจริง ไม่ใช่แค่ตัวเลข
“เรานำข้อมูลเข้ามาสู่ในวง PLC ที่มีคุณภาพที่ทุกคนร่วมกันวางแผน ร่วมกันวิเคราะห์ เพื่อที่จะช่วยเหลือนักเรียนของเรา แล้ววง PLC นั้นจะเกิดไม่ได้เลยถ้าเราไม่เห็นข้อมูลที่เหมือนกัน”
ระบบข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ หรือ Q-info จะถูกรวบรวม วิเคราะห์ เพื่อช่วยเหลือเด็กได้ทันท่วงที ซึ่งการนำข้อมูลเข้าสู่วง PLC คุณภาพนั้น จะช่วยเรื่องการวางแผน และลดอัตราเด็กที่มีความเสี่ยงที่จะหลุดออกจากระบบ เพราะมีข้อมูลที่ตรงจริง
“มีเด็กอยู่คนหนึ่งครับ เด็กชาย ป.4 ที่โรงเรียนของผมเอง เขาเป็นเด็กที่เรียนดี แต่เราเริ่มสังเกต คุณครูประจำชั้นเริ่มสังเกตว่า เอ๊ะ..เด็กคนนี้ทำไมถึงขาดเรียน แล้วคะแนนลดลง เมื่อผมได้รับข้อมูลรายงานจากระบบสารสนเทศของโรงเรียน และวง PLC ครูทั้งโรงเรียนจึงไม่นิ่งนอนใจ ช่วยกันทั้งระบบ แล้วเด็กคนนั้นก็กลับมายืนได้อีกที เพราะว่าข้อมูลที่ตรงจริง กับคุณเป็นครูที่มีหัวใจ
สิ่งนั้นที่เราทำ เราใช้เครื่องมือระบบสารสนเทศ Q-info มาใช้ในการจัดการ เมื่อเราสามารถช่วยเหลือเด็กได้จริง เด็กไม่หลุดออกจากระบบการศึกษา เราจึงเห็นว่าสิ่งนี้มันมีค่า เราจึงส่งต่อความสำเร็จหรือแนวคิด แนวทาง แบ่งปันกับเครือข่ายของเรา ก็คือเครือข่าย TSQM
เราไม่ได้ใช้ข้อมูลอยู่แค่โรงเรียนเดียว แต่เราสามารถขยับข้อมูลนั้นเป็นข้อมูลเครือข่ายที่ใช้ร่วมกัน สิ่งนั้นอาจจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เด็กของเราไม่หลุดออกจากระบบการศึกษา เพราะเรามีข้อมูลที่มีหัวใจเชื่อมโยงกันและแบ่งปันกันใช้”
แน่นอนว่า เมื่อ ‘ข้อมูลดี’ โรงเรียนก็สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหากมี ‘ข้อมูลตรง’ ครูก็จะช่วยเด็กได้อย่างตรงจริง ที่สำคัญคือการมี ‘ข้อมูลที่เชื่อมโยง’ จะทำให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมในพัฒนาและสร้างอนาคตของเด็กไปพร้อมๆ กัน
“ทั้งหมดทั้งมวลนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าเราไม่มีข้อมูลที่ตรงจริง และข้อมูลที่ตรงจริงก็จะเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนให้เราสามารถเรียนได้อย่างเป็นระบบ แล้วเด็กก็จะไม่หลุดออกจากการศึกษา เราจะเปลี่ยนแปลงโรงเรียนได้
โรงเรียนจะไม่ใช่โรงสอนอีกต่อไป แต่เป็นพื้นที่แห่งความปลอดภัยให้เด็กได้เติบโตในสิ่งที่เขาเป็น และเราเองจะไม่ใช่แค่ผู้บริหารโรงเรียน แต่เราจะเป็นพื้นที่ปลอดภัย เป็นคนที่คอยปลุกพลังให้เด็กได้เห็นฝันอีกครั้ง”
พลังของข้อมูลที่มีหัวใจจะทำให้โรงเรียนมองเห็นเด็กได้ชัดเจนทุกคน เมื่อหนึ่งโรงเรียนทำได้ การขยายผลสู่เครือข่าย TSQM-N เพื่อแบ่งปันระบบ ข้อมูล วิธีการใช้ และแนวคิด ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เด็กหลุดออกจากระบบได้ เพราะเครือข่ายข้อมูลที่เชื่อมโยงถึงกัน