- Shrinking ซีรีส์คอมเมดี้ดราม่าจาก Apple TV เล่าถึงการเปลี่ยนผ่านเติบโตและโอบกอดความไม่สมบูรณ์แบบแต่ก็ยังสวยงามของชีวิต และคิดว่าน่าจะถูกจริตคนที่ชอบดูซีรีส์ฟีลกู้ดมาก
- ซีรีส์เล่าถึง ‘จิมมี่’ นักจิตวิทยาผู้เสียภรรยาไปจากอุบัติเหตุรถยนต์ เค้าใช้เวลาในการทำใจจากความเศร้ายาวนานนับปี จนละเลยหน้าที่ ‘พ่อ’ จาก ‘อลิซ’ ลูกสาวเพียงคนเดียวที่กำลังเป็นวัยรุ่นและกำลังต้องการที่พึ่งพิง จนลูกค่อยๆ ถอยห่างจากเค้าไป
- “พ่อทิ้งให้เธอรับมือและเยียวยาตัวของเธอเองเพียงลำพัง ทั้งที่ไม่ใช่พ่อคนเดียวที่ต้องเจอกับเรื่องนี้” อลิซพูดเพื่อดึงสติพ่อ ทำให้เห็นว่าการสื่อสารกันโดยตรงมันสำคัญจริงๆ ต่างฝ่ายต่างได้เห็นความรู้สึกของกัน โดยไม่มีอคติ ศักดิ์ศรี หรือการป้องกันตัวเองมากั้นไว้
ซีรีส์คอมเมดี้ดราม่าจาก Apple TV ที่เพิ่งปล่อยออกมาเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้ เป็นซีรีส์ที่มีกลิ่นอายการเล่าเรื่องที่คล้ายกับเรื่อง Ted Lasso คือเล่าถึงการเปลี่ยนผ่านเติบโตและโอบกอดความไม่สมบูรณ์แบบแต่ก็ยังสวยงามของชีวิต สำหรับเราคือเป็นซีรีส์ที่สนุกดูเพลินและคิดว่าน่าจะถูกจริตคนที่ชอบดูซีรีส์ฟีลกู้ดมาก
เราเองเป็นคนที่ชอบดูการบำบัดจิตวิทยาแบบตะวันตกมาก ดูแล้วได้เยียวยาตัวเองบ้าง ได้พบมุมมองใหม่ๆ บ้าง ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้ได้เล่าถึงตัวละครหลัก ‘จิมมี่’ เค้าเป็นนักจิตวิทยาผู้เสียภรรยาไปจากอุบัติเหตุรถยนต์ เค้าใช้เวลาในการทำใจจากความเศร้ายาวนานนับปี จนละเลยหน้าที่ ‘พ่อ’ จาก ‘อลิซ’ ลูกสาวเพียงคนเดียวที่กำลังเป็นวัยรุ่นและกำลังต้องการที่พึ่งพิง จนลูกค่อยๆ ถอยห่างจากเค้าไป
ในเรื่องก็จะได้เห็นชั่วโมงบำบัด ได้เห็นมุมมอง วิธีการรับมือกับชีวิตที่ฉลาดและน่าสนใจ ทั้งของจิมมี่และเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ของเค้าซึ่งต่างเป็นคาแรคเตอร์ที่สร้างสีสันให้กับซีรีส์ได้อย่างดี
ในชั่วโมงบำบัดของจิมมี่นั้นอาจไม่ได้เป็นแบบที่เราคิดฝันว่าจะเกิดขึ้น เพราะเค้ารู้สึกว่าขณะที่ตัวเองก็ยังจิตใจพังมากๆ จากความเศร้าที่ภรรยาตาย แต่กลับต้องมารับฟังเยียวยาคนอื่นในเรื่องที่วนไปวนมา เค้าเลยเกิดสติแตก และบำบัดคนไข้ด้วยวิธีการบอกไปตามที่เค้าคิดจริงๆ พร้อมกับเข้าไปยุ่งวุ่นวายชีวิตของคนไข้มากเกินเบอร์ โดยไม่สนความยุ่งยากที่อาจเกิดขึ้นได้ในภายหลัง
แว้บแรกนั้นก็เหมือนเรื่องราวจะนำพาเค้าและคนไข้ของเค้าไปสู่สิ่งใหม่ที่ดีขึ้น แต่สุดท้ายมันกลับสร้างปมปัญหาให้เค้าและคนรอบตัวจนเกิดเรื่องปั่นป่วนกวนใจดราม่าใหญ่โต แล้วนอกจากเรื่องที่ทำงานเค้าก็ต้องพยายามกลับมาทำหน้าที่พ่อก่อนที่มันจะสายเกินไปด้วย
ซึ่งก็จะมีช่วงที่จิมมี่พยายามกลับมาทำดีเล็กๆ น้อยๆ กับอลิซ ลูกสาวคนเดียวของเค้า แต่ลูกยังโกรธพ่ออยู่เลยบอกว่า สิ่งที่พ่อทำให้มันไม่พอที่จะทำให้เธอให้อภัยเค้าหรอกนะ อลิซบอกว่า ที่ผ่านมาพ่อทำเหมือนเรื่องนี้ (ที่แม่เสียชีวิต) มันเกิดขึ้นกับพ่อเพียงคนเดียว “พ่อทิ้งให้เธอรับมือและเยียวยาตัวของเธอเองเพียงลำพัง ทั้งที่ไม่ใช่พ่อคนเดียวที่ต้องเจอกับเรื่องนี้”
หลังจากนั้นก็มีโอกาสที่ทำให้จิมมี่เปิดเผยความรู้สึกผิดของเค้าที่ไม่ได้ดูแลลูกให้เร็วกว่านี้ เค้าบอกว่า เค้ารู้สึกว่าอลิซเหมือนแม่มากๆ และเค้ายังทำใจไม่ได้ทุกครั้งที่อยู่ใกล้ลูก เพราะมันทำให้เค้านึกถึงภรรยาของตัวเอง
อย่างแรกเรารู้สึกว่ามันน่าเศร้ามากเมื่อพ่อไม่สนใจอะไรเลยนอกจากความรู้สึกของตัวเอง ลูกจึงเหมือนถูกบังคับให้โตกว่าที่ควรจะเป็น ทั้งที่ลูกควรได้ใช้ช่วงเวลาวัยรุ่นอย่างเต็มที่ แต่กับต้องมารับมือกับความเจ็บปวดเองคนเดียว
ต่อมาก็รู้สึกชอบที่ลูกพูดแบบนั้นเพื่อดึงสติพ่อได้และรู้สึกว่าการสื่อสารกันโดยตรงมันสำคัญจริงๆ ทำให้ต่างฝ่ายต่างได้เห็นความรู้สึกของกันจริงๆ โดยไม่มีอคติ ศักดิ์ศรี หรือการป้องกันตัวเองมากั้นไว้
อลิซแสดงจุดยืนด้วยการบอกว่าเธอต้องผ่านอะไรมาบ้าง และนี่คือเหตุผลที่เธอสมควรแล้วที่เธอจะโกรธพ่อ ส่วนพ่อก็แสดงให้เห็นว่าเค้ายังรับมือกับความเศร้าไม่ได้แต่เค้าก็จะพยายาม เรารู้สึกมันแฟร์มากๆ กับการที่พ่อและลูกได้มีบทสนทนาแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะมีพ่อแม่ซักกี่คนที่มองลูกอย่างเท่าเทียมแบบนี้ได้
และที่กรี๊ดมากคือซีรีส์ใส่เรื่องที่แม่ของอลิซสอนเรื่องเพศสัมพันธ์กับลูกว่าต้องรับผิดชอบตัวเองยังไง ต้องป้องกันแบบไหนบ้าง รู้มั้ยว่าผู้หญิงต้องฉี่หลังมีเพศสัมพันธ์นะ (เพื่อป้องกันกระเพาะปัสสาวะอักเสบ—เรื่องนี้เราก็เพิ่งมารู้ตอนอายุ 20 ปลายๆ !) พูดเรื่องของอารมณ์ว่าถ้าเราไม่พร้อมจะมีเพศสัมพันธ์ก็ต้องปฏิเสธเป็น
แล้วก็มีฉากที่พ่อแม่ก็ยังไม่พร้อมรับมือกับเรื่องที่ลูกวัยรุ่นมีเซ็กส์กันแล้ว แต่พ่อแม่ก็ต้องฝึกรับผิดชอบอารมณ์ของตัวเองให้ได้ มันเป็นเรื่องเล็กๆ ที่ใส่เข้ามาแล้วทำให้เห็นว่าเค้าใส่ใจอะ รู้สึกประทับใจ อยากให้เมืองไทยตระหนักถึงเรื่องเหล่านี้และอยากให้พ่อแม่ยุคใหม่ได้ดูจริงๆ
ทั้งหมดนี้เป็นแค่ส่วนนึงที่เราสนใจและหยิบมาพูดถึง แต่ความจริงในซีรีส์ยังมีอีกหลายช่วงมากๆ ที่น่านำมาเล่า ทั้งการช่วยเหลือเกื้อกูลกันของครอบครัว ของเพื่อนร่วมงาน ความเป็นเพื่อนที่ไร้เพศไร้อายุ ซึ่งดูแล้วทำให้เรารู้สึกว่าอยากเป็นเพื่อนแบบนี้ให้กับเพื่อนของเรา รวมถึงอยากรายล้อมด้วยคนแบบนี้บ้าง สรุปคือชอบมากเอาไปเลยห้าดาวเต็มและขอเชิญชวนให้หาดูกันนะ