Skip to content
ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์
  • Creative Learning
    Life Long LearningUnique SchoolEveryone can be an EducatorUnique TeacherCreative learning
  • Family
    Early childhoodHow to get along with teenagerอ่านความรู้จากบ้านอื่นFamily PsychologyDear Parents
  • Knowledge
    21st Century skillsEducation trendLearning TheoryGrowth & Fixed MindsetGritEF (executive function)Adolescent BrainTransformative learningCharacter building
  • Life
    Life classroomHealing the traumaRelationshipHow to enjoy lifeMyth/Life/Crisis
  • Voice of New Gen
  • Playground
    BookMovieSpace
  • Social Issues
    Social Issues
  • Podcasts
ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่นeco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์
Social Issues
17 January 2022

เมื่อครู คือ ผู้ทำงานทางการเมือง

เรื่อง อรรถพล ประภาสโนบล ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • ครูไม่ใช่บทบาทที่แยกขาดจากสังคมการเมือง แต่คือคนที่กระโดดเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการท้าทายใจกลางของความอยุติธรรม แปรเปลี่ยนห้องเรียนให้กลายเป็นพื้นที่ที่พานักเรียนมองเห็นการกดขี่ที่เกิดขึ้นจริงในสังคม ตั้งคำถามต่อความไม่เป็นธรรมในทุกรูปแบบ และผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพื่อก่อร่างสร้างอนาคตของสังคมที่ดีขึ้นอย่างมีความหวัง ครูคือผู้ทำงานทางการเมือง
  • นิยาม ‘ครู’ ในความหมายที่มากกว่า ครูคือเรือจ้าง ครูคือพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ ครูคือโค้ช ครูคือผู้อำนวยการเรียนรู้ นิยามความหมายเหล่านี้กำลังก่อร่างสร้างสังคมแบบไหน เป็นสังคมที่เป็นธรรมกว่าวันนี้หรือไม่? ถ้อยคำคุ้นหูเหล่านี้นำไปสู่คำถามสำคัญที่อยากชวนทบทวนและขบคิดว่านิยามความเป็นครูนั้น แท้จริงควรเป็นอย่างไร
  • หากเราปรารถนาที่จะเห็นสังคมที่เป็นธรรมมากขึ้น ครูจึงไม่ใช่แค่แม่พิมพ์หรือโค้ช แต่คือคนที่กล้าลุกขึ้นมาท้าทายกับความไม่เป็นธรรม พร้อมๆ กับการสร้างนักเรียนให้เป็น ‘พลเมืองที่อันตราย’ (Dangerous citizenship) ต่อระบบที่กดขี่พวกเขาอยู่ มีความตระหนัก กล้าตั้งคำถาม และจินตนาการถึงการสร้างสังคมที่ดีขึ้นกว่าเดิม

“หากเราปรารถนาให้สังคมข้างหน้าเป็นสังคมที่ดีขึ้นกว่าวันวาน เราจำเป็นต้องกลับมาตั้งคำถามว่า 

นิยามความเป็นครูแบบใด ที่จะเป็นเมล็ดพันธุ์ก่อร่างสร้างสังคมแบบนั้นขึ้นมา”

หากเราเห็นความเหลื่อมล้ำที่กำลังกัดกินเพื่อนร่วมสังคมและผลักใครหลายคนให้ดิ้นรนหาหนทางตะเกียกตะกายให้มีชีวิตรอดไปวันๆ ในขณะที่คนเพียงหยิบมือผูกขาดทรัพยากรและความมั่งคั่ง หากเราเห็นอำนาจถูกใช้เพื่อปราบปรามกดขี่ ปิดกั้นผู้คนให้ตกอยู่ในความเงียบงันและความกลัว เพียงเพราะพวกเขาลุกขึ้นทวงถามและต่อสู้เพื่อสังคมที่ดีกว่า 

การเปรียบเปรย นิยาม และให้ความหมายของ ‘ครู’ ที่หลายคนคุ้นเคย เช่น ครูคือคนสวน ครูคือโค้ช ครูคือผู้อำนวยการเรียนรู้ ครูคือเรือจ้าง ครูคือพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ ครูคือข้าราชการ ครูคือผู้เสียสละ หรือครูคือพ่อแม่คนที่สอง ฯลฯ นิยามความหมายเหล่านี้กำลังก่อร่างสร้างสังคมแบบไหน เป็นสังคมที่เป็นธรรมกว่าวันนี้หรือไม่? ถ้อยคำคุ้นหูเหล่านี้นำไปสู่คำถามสำคัญที่อยากชวนทบทวนและขบคิดว่านิยามความเป็นครูนั้น แท้จริงควรเป็นอย่างไร   

ทำไมครูจึงควรเป็นผู้ทำงานทางการเมือง 

การนิยามความเป็นครูในแบบต่างๆ ล้วนสะท้อนถึงมุมมองเกี่ยวกับความรู้ การเรียนรู้ การสร้างหลักสูตร ไปจนถึงปฏิบัติการในห้องเรียน จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เราพยายามตอบคำถามว่า “ครูคืออะไร” หรือ “ครูที่ดีควรเป็นอย่างไร” อีกคำถามที่ซ้อนทับอยู่ในตัวมันเองก็คือ “สังคมที่เราอยากเห็นนั้นเป็นอย่างไร” “เรามองเห็นอะไรในพื้นที่โรงเรียนและสังคมการเมือง” คำถามเหล่านี้พาเราไปสู่คำถามสำคัญที่ว่า “เรากำลังมองการศึกษาและสังคมด้วยมุมมองแบบใด” 

ในทางหนึ่งการศึกษาได้กลายเป็นเครื่องมือที่ใช้ควบคุม ถ่ายทอดความคิด ให้นักเรียนเป็นผู้ว่านอนสอนง่าย พร้อมที่จะเชื่อฟังและปฏิบัติตามสิ่งที่ชนชั้นผู้ปกครองต้องการ เพื่อที่พวกเขาจะได้รักษาไว้ซึ่งอำนาจ ความไม่เป็นธรรม และการกดขี่เชิงระบบให้ดำรงอยู่ต่อไปได้ 

“โรงเรียนในฐานะพื้นที่ควบคุม” คือสิ่งที่นักการศึกษาสายวิพากษ์ E Wayne Ross มองเห็น ดังนั้น หากเราปรารถนาที่จะเห็นสังคมที่เป็นธรรมมากขึ้น ครูจึงไม่ใช่แค่แม่พิมพ์หรือโค้ช แต่คือคนที่กล้าลุกขึ้นมาท้าทายกับความไม่เป็นธรรม พร้อมๆ กับการสร้างนักเรียนให้เป็น “พลเมืองที่อันตราย” (Dangerous citizenship) ผู้เป็นอันตรายต่อระบบที่กดขี่พวกเขาอยู่ มีความตระหนัก กล้าตั้งคำถาม และจินตนาการถึงการสร้างสังคมที่ดีขึ้นกว่าเดิม   

ในทำนองเดียวกัน Sonia Nieto นักการศึกษาพหุวัฒนธรรมศึกษาเชิงวิพากษ์ สะท้อนว่าโรงเรียนและสังคมการเมืองเป็นพื้นที่ของอำนาจ การกดขี่ การเลือกปฏิบัติ และความไม่ยุติธรรม ทั้งในด้านชนชั้นทางสังคม เชื้อชาติ ชาติพันธุ์  เพศ และความแตกต่างอื่นๆ อีกทั้งการศึกษายังเป็นพื้นที่ผลิตสร้างความรู้กระแสหลัก ที่ก่อให้เกิดมายาคติ และภาพจำแบบเหมารวมที่นำไปสู่ความไม่เท่าเทียมกันในการเลือกปฏิบัติต่อนักเรียนในระดับโครงสร้างอีกด้วย ด้วยเหตุนี้เธอจึงเสนอว่าครูควรขยับไปสู่การเป็น “ครูในฐานะผู้ทำงานทางการเมือง” (Teacher as political work)  ที่มองเห็น รู้สึก ตั้งคำถาม กล้าหาญ และผลักดันให้เกิดความเป็นธรรมตั้งแต่ระดับห้องเรียนจนถึงไประดับนโยบาย 

ความหมายของการเป็นครูสำหรับ Ross และ Nieto เป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับความเป็นครูแบบฝากธนาคาร (banking education) ที่บอกว่าครูมีหน้าที่ป้อนชุดความรู้กระแสหลักของชนชั้นผู้ปกครองและคอยตรวจสอบดูว่านักเรียนรับความรู้นั้นแล้วหรือยัง ครูที่เป็นเพียง “ช่างเทคนิค” ที่มุ่งเน้นหาเทคนิควิธีการหรือเครื่องมือไปใช้เพื่อส่งต่อความรู้ สร้างห้องเรียนที่ปราศจากคำถามต่อความรู้ที่ถูกป้อน และผลักให้นักเรียนอยู่ในสภาวะของความเงียบงัน (Moment of silence) ท้ายที่สุด นักเรียนจึงเป็นเพียงหุ่นยนต์ที่รอรับความรู้  

การสอนคือการกระทำทางการเมือง

นิยามครูในความหมายของทั้งคู่ยังหมายถึง “ครูในฐานะปัญญาชน” (Teacher as Intellectuals)   ครูที่มีความความสงสัยใคร่รู้ สังเกต และตั้งคำถามกับสำนึกและความเชื่อเดิมที่ถูกหล่อหลอมมา สำนึกที่ทำให้ความไม่เป็นธรรมและการกดขี่ดำรงอยู่ สามารถเชื่อมโยงทฤษฎีไปสู่การอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมผ่านชีวิตประจำวัน เพื่อเผยให้เห็นถึงการกดขี่ ความไม่เป็นธรรม การครอบงำ และไม่หวาดกลัวที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับสังคม ผ่านคำถามสำคัญ ได้แก่

  • ความคิดที่กำลังครอบงำสังคมปัจจุบันเป็นความคิดแบบใด วิธีคิดเหล่านั้นเข้ามาสู่ระบบ โรงเรียนจนเกิดเป็นวัฒนธรรมหลักที่หล่อเลี้ยงการกดขี่ได้อย่างไร แล้วเราจะท้าทายสิ่งเหล่านี้อย่างไร?
  • เรื่องราว/เรื่องเล่า/เนื้อหาความรู้ของใครที่ปรากฏในระบบการศึกษา และใครได้ประโยชน์จากการถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้?
  • อะไรคือความไม่เท่าเทียม ความไม่ยุติธรรม การเลือกปฏิบัติ การกีดกัน มายาคติ ที่เกิดขึ้นทั้งในพื้นที่การศึกษา และสังคมของเรา มันเกิดขึ้นกับใครบ้าง แล้วเราจะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร
  • อะไรคือจุดยืนของเราในฐานะครู ที่มีต่อความไม่เป็นธรรมในสังคม การเมือง และการศึกษา?
  • เราจะสร้างห้องเรียน โรงเรียน และการศึกษา เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมได้อย่างไร?

เช่นเดียวกับ Paulo Freire  นักการศึกษาชาวบราซิลคนสำคัญของโลก ที่นิยามการเป็นครูในหนังสือที่มีอิทธิพลต่อการศึกษาทั่วโลกอย่าง การศึกษาของผู้กถูกดขี่ pedagogy of oppressed  และ teacher as cultural work ไว้ว่า “การสอนคือการกระทำทางการเมือง” ซึ่งสามารถสรุปได้ว่า การสอนคือ

  1. การทำงานเพื่อความยุติธรรม การมองเห็นสังคมและยืนอยู่ข้างผู้ที่ถูกกดขี่ ผู้ที่ถูกกีดกัน ผู้ที่ไม่ได้รับความยุติธรรมภายใต้โครงสร้างสังคมที่ไม่เท่าเทียม พร้อมๆ กับหาหนทางสร้างการเปลี่ยนแปลง
  2. มีจุดยืนเชิงวิพากษ์ การกล้าท้าทายอำนาจที่ครอบงำอยู่ ท้าทายการมองโลกในสำนึกเดิม ท้าทายวัฒนธรรมความคิด ความจริงที่เป็นอยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะรื้อออกมาว่ามันทำงานและส่งผลกับตัวเราอย่างไร แล้วลงมือแสวงหาทางออกใหม่บนคุณค่าใหม่ที่มองเห็นความเป็นมนุษย์เท่าเทียม 
  3. สร้างความหวัง การเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเราและผู้อื่นในการร่วมเปลี่ยนแปลง เพื่อยืนหยัด แตกหักกับสิ่งเดิม และเสนอจินตนาการถึงสังคมแบบใหม่ที่ดีกว่าเดิม

ครูไม่ใช่บทบาทที่แยกขาดจากสังคมการเมือง แต่คือคนที่กระโดดเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการท้าทายใจกลางของความอยุติธรรม แปรเปลี่ยนห้องเรียนให้กลายเป็นฐานที่มั่นสำคัญที่เป็นมากกว่าสถานที่ถ่ายทอดความรู้แล้วจบไป แต่เป็นพื้นที่ที่พานักเรียนมองเห็นการกดขี่ที่เกิดขึ้นจริงในสังคม ตั้งคำถามต่อความไม่เป็นธรรมในทุกรูปแบบ และผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพื่อก่อร่างสร้างอนาคตของสังคมที่ดีขึ้นอย่างมีความหวัง ครูคือผู้ทำงานทางการเมือง

อ้างอิง

Critical pedagogy for Social justice โดย John Smyth  

Humanizing critical pedagogy: What kind of teachers? What kind of citizenship? What kind of future?  โดย  E. Wayne Ross

Pedagogy of oppressed โดย Paulo Freire  

As Cultural Workers: Letters to Those Who Dare Teach โดย Paulo Freire

Teaching as Political Work:   Learning from Courageous and Caring Teachers โดย Sonia Nieto

ห้องเรียนล้ำเส้น โดย พล พลเรียน (อรรถพล ประภาสโนบล)

Tags:

ครูระบบการศึกษาประชาธิปไตย

Author:

illustrator

อรรถพล ประภาสโนบล

ครูพล อดีตครูสังคมศึกษาในโรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่ง ผู้เขียนหนังสือ “ห้องเรียนล้ำเส้น” และบรรณาธิการร่วมหนังสือ “สังคมศึกษาทะลุกะลา” ปัจจุบันกำลังศึกษาต่อปริญญาสาขา Education studies ที่ไต้หวัน

Illustrator:

illustrator

ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

นักวาดภาพที่ใช้ชื่อเล่นว่า ววววิน facebook, ig : wawawawin

Related Posts

  • Learning Theory
    ‘ครูคือคนที่สร้างความแตกต่าง’ ความทรงจำ ตัวตน และจุดยืนการสอน

    เรื่อง อรรถพล ประภาสโนบล ภาพ ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล

  • Voice of New Gen
    พังกำแพง ‘ก็เขาทำกันมาแบบนี้’ : เป้าหมายของมายมิ้น – ศุกรียา วรรณายุวัฒน์ Voice of new gen วงการการศึกษาไทย

    เรื่อง เพ็ญสินี ธิติธรรมรักษา ภาพ ศรุตยา ทองขะโชค

  • Social Issues
    ครูในยุคเสรีนิยมใหม่: จะทำอย่างไรไม่ให้หมดสนุกกับการสอน

    เรื่อง รชนีกร ศรีฟ้าวัฒนา ภาพ บัว คำดี

  • Social Issues
    แฟนฟิค ทศกัณฑ์ โพลีแคท ธนาธร พ่อหล่อสอนลูก งานวิจัยของเด็กรุ่นใหม่ที่ไม่ได้สนใจแต่ตัวเอง

    เรื่อง

  • Voice of New Gen
    ครูสอนสังคมที่ให้สังคมสอนนักเรียน : ‘ครูพล’ อรรถพล ประภาสโนบล

    เรื่อง

  • Knowledge
  • Playground
  • Social Issues
  • Podcasts
  • Creative Learning
  • Life
  • Family
  • Voice of New Gen

HOME

มูลนิธิสยามกัมมาจล

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

เลขที่ 19 เเขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

Cleantalk Pixel