“ปี 2020 มันหนักเหลือเกิน”
ประโยคที่เราได้ยินบ่อยๆ จากคนรอบตัวในช่วงเวลานี้ คงเป็นเพราะตั้งแต่ต้นปี หัวใจเราต้องรับแรงกระแทกจากข่าวหนักๆ มากมาย เช่น ไฟไหม้ป่าหลายพื้นที่ โจรปล้นทอง กราดยิงห้างที่โคราช มาจนโรคระบาด Covid-19 ช่วงเวลานี้หลายคนอาจรู้สึกเคว้งคว้าง เจ็บปวด อึดอัด และตั้งคำถามบางอย่างกับชีวิต
เรา-ในฐานะหนอนหนังสือที่ใช้ชีวิตส่วนมากกับร้านหนังสือและห้องสมุด และในฐานะอาจารย์สอนวิชาทักษะแห่งความสุขแห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าลาดกระบัง ขอถือวิสาสะแนะนำหนังสือที่คิดว่าน่าจะปลอบประโลมหัวใจ… และอาจตั้งหลักให้หัวใจทุกดวงในช่วงเวลาแห่งความเคว้งคว้างนี้ได้
เป็นหนังสือที่เราเรียกเขาว่า…‘เพื่อนแสนดีในยามยาก’
1. สิ่งสำคัญของหัวใจ
สิ่งสำคัญของหัวใจ
เขียน: นิ้วกลม สนทนากับ อาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์
“นี่คือเล่มที่ดีที่สุดที่ได้อ่านในปีนี้… ตอนอ่านมันรู้สึกดี เหมือนหนังสือเล่มนี้พาเราไปท่องโลกหัวใจตัวเอง ได้ทบทวน ได้ตกตะกอนอะไรหลายๆ อย่าง ได้เห็นสิ่งที่ควรทำเพื่อมีหัวใจที่มั่นคงขึ้น”
นี่คือความรู้สึกที่เราเล่าให้เพื่อนสนิทฟังหลังจากอ่านเล่มนี้จบ ‘สิ่งสำคัญของหัวใจ’ เป็นบทสนทนาของคุณนิ้วกลมกับอาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ ว่าด้วยการเผชิญกับสภาวะต่างๆ ภายในใจ เช่น ความกลัว ความขัดแย้ง ความทุกข์ รวมถึงการฝึกจิตใจให้มั่นคง การรับรู้ความหมายของชีวิตและสิ่งต่างๆ ความรักและการประคองชีวิตคู่ และสิ่งที่มนุษย์ล้วนสงสัยอย่างเรื่องจิต ความตาย สวรรค์ นรกคืออะไร
ผู้ตอบคำถามทั้งหมดคืออาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ เราขอเรียกท่านว่า ‘ต้นไม้ใหญ่’ ที่ให้ร่มเงาอันสงบเย็นแก่ผู้คนมากมาย ผ่านงานสอนวิชาศาสนาและปรัชญากว่าค่อนชีวิต งานเขียนที่โด่งดังอย่าง ‘เดินสู่อิสรภาพ’ ซึ่งว่าด้วยประสบการณ์การเดินจากเชียงใหม่กลับบ้านที่สุราษฎร์ธานี โดยไม่พกเงินติดตัวเพื่อทำความเข้าใจชีวิต อาจารย์ประมวลคือต้นไม้ใหญ่ที่คุณควรอาศัยร่มเงาของท่านดูสักครั้ง… แล้วจะสัมผัสได้ถึงพลังความรักและความสงบเย็น
คำตอบของอาจารย์ประมวลในหนังสือเล่มนี้ มาจากการประมวลชีวิตและประสบการณ์ตลอดหลายปีของอาจารย์ สิ่งที่เราได้เรียนรู้มากที่สุดจากการอ่านสิ่งสำคัญของหัวใจคือ ‘ความไว้วางใจในชีวิต’ เพราะอาจารย์มีความเชื่อว่า ทุกสิ่งที่เกิดในชีวิต เกิดขึ้นมาเพื่อให้อะไรบางอย่างแก่เรา มันเป็นสิ่งที่ต้องเกิดไปแบบนั้น… และมันมหัศจรรย์มาก
“ผมไว้เนื้อเชื่อใจธรรมชาติออกมาจากในผมเลย เชื่อว่าธรรมชาติจัดสรรสิ่งนี้ให้กับผม ถ้าผมนับถือศาสนาที่มีพระผู้เป็นเจ้า ผมคงกล่าวง่ายๆ เลยว่าผมไว้เนื้อเชื่อใจพระองค์ ทุกสิ่งที่พระองค์จัดสรรให้ผมรับหมดเลย เมื่อรู้สึกแบบนี้จึงไม่มีสิ่งที่เป็นเรื่องร้าย สมมติว่าวันหนึ่งผมออกจากบ้านแล้วถูกรถชนตาย ผมจะบอกว่า โอ้ นี่ผมออกมาเพื่อถูกรถชนตาย ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องโชคร้ายอะไร”
2. Gift from the sea – ของฝากจากทะเล
Gift from the sea
เขียน: Anne Morrow Lindbergh
“ทุกครั้งที่เราหลงทางในการใช้ชีวิต…เราจะกลับมาอ่านเล่มนี้”
นี่คือสิ่งที่บอกตัวเองหลังอ่าน Gift from the sea จบ หนังสือ International Bestseller ที่แปลไป 45 ภาษา ตีพิมพ์ต่อเนื่องยาวนานกว่า 60 ปีเล่มนี้เป็นบทเรียนชีวิตของนักเขียนผู้โด่งดังคนหนึ่งที่ตัดสินใจทิ้งความเป็นภรรยา-ความเป็นแม่-ความเป็นนักเขียนและทุกบทบาท ไปใช้ชีวิตคนเดียวบนเกาะห่างไกล ช่วงเวลานั้นเธอได้ทบทวนความหมายของการมีชีวิตอยู่ ผ่านการเชื่อมโยงความหมายเหล่านั้นเข้ากับเปลือกหอยที่เธอพบริมชายหาด เช่น เปลือกหอยแชเนิลด์ เวลค์ที่ถูกทิ้งร้างนั้นบอกเธอว่าในบางช่วงเราก็ต้องหาเวลาปลีกตัวออกจากบ้าน บทบาทหน้าที่ และตัวตนที่เราคุ้นเคย เพื่อทำความรู้จักตัวเองใหม่อีกครั้ง
เปลือกหอยพระจันทร์ที่อยู่อย่างโดดเดี่ยว… บอกเธอว่าเธอควรใช้ช่วงเวลาที่สันโดษเพื่อพักผ่อน เพื่อรักษาแก่นและศูนย์กลางที่มั่นคงในใจของตัวเองไว้
เปลือกหอยคู่อรุณ… บอกเธอว่าความรักและความสัมพันธ์นั้นงดงาม…แต่มันล้วนดำรงอยู่เพียงชั่วคราว
โขดหินหอยนางรม… ชวนเธอมายอมรับความน่าเกลียดและความบิดเบี้ยวในชีวิตตัวเอง
เปลือกหอยและชายหาดสอนให้เธอใช้ชีวิตในฐานะ “ผู้หญิงที่มีความสุข” คนหนึ่ง
ดังนั้นเล่มนี้น่าจะทำให้คนหลายคน-โดยเฉพาะผู้หญิง ค้นพบแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง
3.จะเล่าให้คุณฟัง
จะเล่าให้คุณฟัง
เขียน: ฆอร์เฆ่ บูกาย
สำนักพิมพ์ผีเสื้อบอกว่า “หนังสือเล่มนี้ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนและช่วยเหลือจิตใจอันตกอยู่ในสภาวะไม่ปกติให้กลับฟื้นคืนสภาพดังเดิมมามากต่อมากแล้ว เป็นหนังสืออ่านสนุก ไม่เครียด ความยุ่งยากในการอธิบายปัญหาทางจิตที่อาจใช้เวลาสนทนากันนาน กลายเป็นเรื่องง่ายในหนังสือเล่มนี้”
ตอนอ่านคำนำสำนักพิมพ์ครั้งแรกก็คิดว่ามันจะขนาดนั้นเลยเหรอ พออ่านจบก็พบว่า ‘มันดีขนาดนั้นจริงๆ’ หนังสือเล่มนี้เขียนโดยนักจิตบำบัดผู้มีชื่อเสียง ว่าด้วยเรื่องราวของนักบำบัดร่างอ้วนที่บำบัดชายผู้มีปัญหาในใจมากมายเขาบำบัดชายผู้นั้นด้วย ‘เรื่องเล่าหรือนิทาน’ ซึ่งเรื่องเล่าเหล่านั้นมีเสน่ห์เฉพาะตัว สนุก และที่แน่ๆ ทำให้เราได้กลับมาย้อนมองเรื่องราวของตัวเอง
อย่างเช่นเรื่อง วงกลมเก้าสิบเก้า ที่เปิดด้วยบทสนทนาว่า “ทำไมนะหมอ…ทำไมคนเราถึงอยู่อย่างสบายใจไม่ได้สักที”
หมอเลยเล่าเรื่อง ‘วงกลมเก้าสิบเก้า’ ว่าด้วยพระราชาที่ไม่มีความสุข ถามคนใช้ที่มีความสุขว่ามีเคล็ดลับอะไรให้ชีวิตเป็นสุข คนใช้บอกว่าไม่มีเคล็ดลับอะไรนอกจาก “ก็แค่ใช้ชีวิตไป” พระราชาสงสัยเลยปรึกษาเสนาบดี เสนาบดีเลยหาวิธีทำให้คนใช้ไม่มีความสุข โดยการเอาถุงซึ่งมีเหรียญทอง 99 เหรียญไปแขวนหน้าบ้านคนใช้ คนใช้ซึ่งไม่เคยมีสมบัติมาก่อนดีใจมากที่ได้เหรียญทอง หลังจากนั้นเขาก็เอาแต่เฝ้าดูแลมัน และเริ่มอยากได้เหรียญทองอีก 1 เหรียญเพื่อให้ครบหนึ่งร้อย ตอนนั้นคนใช้ยอมขายทุกอย่าง ยอมทำงานหนักเพื่อได้มันมา ในที่สุดคนใช้คนนี้ก็กลายเป็นคนที่ไม่มีความสุขและโดนพระราชาไล่ออก
“เรามักจะรู้สึกว่ายังขาดอะไรเสมอเพื่อมีความสุข แต่การที่คนเราจะสุขได้นั้นต้องรู้จักพอใจสิ่งที่ตนมีอยู่”
เล่มนี้มันดีขนาดนั้นจริงๆ
4. Life Lesson : ชีวิตสอนอะไรเราบ้าง
Life Lesson: ชีวิตสอนอะไรเราบ้าง
เขียน: อลิซาเบธ คืบเลอร์-รอสส์ / เดวิด เคสเลอร์
“คนเราจะมองเห็นชีวิตชัดเจนที่สุดเมื่อถูกผักไสให้เข้าใกล้ความตาย ผู้ใกล้ตายสอนเรามากมายเกี่ยวกับความล้ำค่าของชีวิต”
หนังสือว่าด้วยบทเรียนซึ่งเล่าโดยผู้ทำงานใกล้ชิดคนใกล้ตาย นักเขียนทั้งสองคนชวนเรามาทำความเข้าใจว่า “ชีวิตคืออะไร” และ “อะไรคือบทเรียนสำคัญที่เราน่าจะเรียนรู้ในขณะที่กำลังมีชีวิตอยู่” เป็นหนังสือที่อ่านง่ายและเล่าเรื่องด้วยน้ำเสียงที่ให้ความรู้สึกเป็นมิตร มีประสบการณ์และกรณีตัวอย่างที่น่าสนใจมากมายที่ทำให้เรารื่นรมย์ตลอดการอ่าน
บทเรียนทั้ง 14 บทเรียนนั้นว่าด้วยตัวตนที่แท้ ความรัก ความสัมพันธ์ การสูญเสีย พลังอำนาจ ความรู้สึกผิด เวลา ความกลัว ความโกรธ การเล่นสนุก ความอดทน การให้อภัย และความสุข เราชอบตั้งแต่บทเรียนแรกซึ่งว่าด้วยตัวตนที่แท้ ผู้เขียนชวนทุกคนมาทบทวนถึงส่วนลึกภายในที่เราต่างรู้ว่าเราเกิดมาเพื่อเป็นใครคนหนึ่งและต้องทำอะไรบางอย่าง เราจึงต้องเรียนรู้ในทุกๆ วันเพื่อเป็นตัวเองอย่างแท้จริงและให้เวลาทำในสิ่งที่เราเกิดมาทำมัน
“ความเป็นตัวคุณคือความรักอันบริสุทธิ์ เป็นความสมบูรณ์แบบยิ่งใหญ่ คุณมาที่นี่เพื่อเยียวยาตนเองและเพื่อจดจำสิ่งที่คุณเป็นอยู่ตลอดกาล นี่คือไฟที่ส่องนำคุณในความมืด”
5.When things fall apart : เมื่อทุกอย่างพังทลาย
When Things fall apart
เขียน: เพม่า โชดรัน
“เมื่อทุกอย่างพังทลาย และเราไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง บททดสอบสำหรับเราแต่ละคนคือ อยู่กับวิกฤตินั้นให้ได้โดยไม่ตายด้านหรือเย็นชาไปเสียก่อน เส้นทางแห่งจิตวิญญาณไม่ใช่เรื่องของสวรรค์หรือการมุ่งสู่จุดหมายปลายทางที่สูงส่งอะไร”
ทำยังไงที่จะผ่านช่วงวิกฤตินี้โดยไม่ตายด้านหรือเย็นชา คือคำถามที่นำเรามาเจอหนังสือเล่มนี้ จำได้ว่าอ่านครั้งแรกตอนที่ชีวิตเผชิญวิกฤติชีวิต รู้สึกว่าตัวเองมีความมั่นคงภายในมากขึ้นหลังอ่านจบ พอกลับมาอ่านอีกครั้งก็ยังอยาก Highly Recommended ใครที่รู้สึกว่าข้างในเริ่มพังทลายแล้ว ไปซื้อมาวางไว้ข้างหัวนอนเพื่ออ่านก่อนนอนได้เลย
หนังสือเล่มนี้ว่าการฝึกใจในช่วงเวลายากๆ มีแนวคิดและเทคนิคการฝึกใจแบบต่างๆ เพื่อให้เรากลับมาอยู่กับตอนนี้ เพื่อให้เราผ่อนคลายกับสภาวะต่างๆ มากขึ้น เพื่อจะเป็นอิสระในช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดและสับสนอลหม่านโดยหลักการและแนวทางการปฏิบัตินั้นเป็นไปตามแนวท่านเชอเกียม ตรุงปะ รินโปเช ครุผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของโลก
ไม่มีอะไรจะบอกนอกจาก…ไปหามาอ่านดู
6. Awareness : คนไม่รู้จักตัวเอง
Awareness: คนไม่รู้จักตัวเอง
เขียน: Anthony de Mello
หนังสือเล่มนี้ว่าด้วยการตระหนักรู้ (Awareness) คือการถอยออกมาเป็นผู้เฝ้ามองและสังเกตตัวเองอย่างเปิดกว้าง ไม่ตัดสิน ไม่หลบตา เพื่อให้เรารู้จักตัวเอง เท่าทันกลไกและความซับซ้อนของจิตใจ เปิดพื้นที่ให้สิ่งดีงามได้ออกมา เป็นหนังสือที่อาจจะอ่านยากสักนิดเลยให้มันเป็นเล่มปิดท้าย แต่ละบทจะมีแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เราเฝ้ามองตัวเองได้ดีขึ้น
เราสงสัยว่าถอยออกมามองตัวเองมันจะช่วยให้ชีวิตดีขึ้นยังไง เลยลองทำตามบางแบบฝึกหัดที่เราพอจะทำได้ คือการเฝ้ามองลมหายใจ การเฝ้ามองความคิดตัวเองโดยปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปแบบนั้น เราแค่มองมันอย่างเปิดกว้าง เราก็พบพลังบางอย่างของการเฝ้ามอง…นั่นคือความสบายใจที่จะใช้ชีวิต เพราะเราได้เห็นจริงๆ ว่าทุกสิ่งมันเปลี่ยนแปลงเร็วมาก และมันเปลี่ยนตลอดเวลา
พออ่านจบเราก็แค่อยากเต้นรำไปกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต
เต้นรำด้วยความไว้วางใจว่าชีวิตมอบสิ่งที่เหมาะสมที่สุดให้เราแล้ว