Skip to content
eco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่น
  • Creative Learning
    Everyone can be an EducatorUnique TeacherCreative learningLife Long LearningUnique School
  • Family
    Early childhoodHow to get along with teenagerอ่านความรู้จากบ้านอื่นFamily PsychologyDear Parents
  • Knowledge
    Growth & Fixed MindsetGritEF (executive function)Adolescent BrainTransformative learningCharacter building21st Century skillsEducation trendLearning Theory
  • Life
    Life classroomHealing the traumaRelationshipHow to enjoy lifeMyth/Life/Crisis
  • Voice of New Gen
  • Playground
    SpaceBookMovie
  • Social Issues
    Social Issues
  • Podcasts
eco literacyการศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิกเทคนิคการสอนแบบแผนทางความสัมพันธ์ปม(trauma)Adolescent Brainโฮมสคูลมายาคติการเป็นแม่ชีวิตการทำงานความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเรียนรู้การฟังและตั้งคำถามพัฒนาการgeneration gappublic spaceการสื่อสารอย่างสันติ(Nonviolent Communication)ไวรัสโคโรนา(โควิด-19)ปฐมวัยวัยรุ่น
Adolescent Brain
26 October 2021

6 คุณลักษณะที่บอกว่าเด็กคนนี้ฉายแววอัจฉริยะ

เรื่อง นำชัย ชีววิวรรธน์

  • ‘กิ๋น’ หรือสัญชาติญาณ, เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น (empathy), รู้ระดับสติปัญญาของตัวเองประเมินไม่สูงหรือต่ำเกินไป, อยากรู้อยากเห็นอยู่ตลอดเวลา, มีอารมณ์ขันอย่างพอดี และรักสันโดษ 6 คุณลักษณะเหล่านี้ มีแนวโน้มฉายแววความเป็นอัจฉริยะ
  • งานวิจัยพบว่าคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต คือได้รับการยอมรับจากคนอื่นว่าเก่ง และตัวเองก็มีความสุขและมีความพึงพอใจในตัวเองกับสภาพแวดล้อม คนเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องมี IQ สูงล้น แต่ต้องมี EQ สูงพอจะควบคุมอารมณ์ และจัดการปัญหาต่างๆ ได้ดี
  • พ่อแม่ผู้ปกครองและครูสามารถช่วยตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของเด็กๆ ได้ โดยเวลาเด็กถาม ต้องตั้งอกตั้งใจตอบ ไม่โบ้ยไปแบบไม่มีเยื่อใย เช่น บอกว่าไม่รู้ (และไม่นึกอยากจะหาคำตอบให้เลยแม้แต่น้อย) หรือแย่กว่านั้นคือ แสดงความรำคาญเวลาเด็กๆ ถาม แต่ควรจะต้องพูดต่อว่า เดี๋ยวจะไปหาข้อมูลมาให้ หรือไม่ก็สอนวิธีหาข้อมูลเองให้

ปัญหาของโลกยุคดิจิทัลที่มีโซเชียลมีเดียเป็นตัวขับเคลื่อนก็คือ มี ‘กูรู’ ที่สถาปนาตัวเองเป็นผู้รอบรู้ไปเสียทุกสิ่ง ชวนให้สงสัยว่าคนที่ฉลาดเฉลียวระดับอัจฉริยะจริงๆ ควรมีลักษณะเช่นใดกันแน่ ในอีกมุมหนึ่งถ้าเราตอบคำถามนี้ได้ เราก็อาจจะพอมองเห็นลูกหลานของตัวเองว่า ฉายแววความเป็นอัจฉริยะที่ควรค่าแก่การส่งเสริมได้อย่างไรบ้าง ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องสำคัญ 

เรื่องพื้นฐานที่เราควรต้องตระหนักก็เป็นดังเช่นคำกล่าวของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (เอ่อ…บางทีแกอาจจะไม่ได้กล่าวก็ได้นะครับ มีคนชอบเอาคำพูดยัดใส่ปากแกมาก แต่ถึงจะไม่ใช่ คำกล่าวนี้ถือเป็นคำคมที่เข้าท่า) ที่ว่า 

“ทุกคนเป็นอัจฉริยะ แต่หากคุณตัดสินปลาจากความสามารถของมันในการปีนต้นไม้ มันก็จะใช้ทั้งชีวิตเชื่อว่าตัวเองโง่เง่า” 

ในที่นี้จะเล่าถึงคุณลักษณะ 6 อย่างที่มีแนวโน้มว่า น่าจะแสดงให้เห็นถึงสติปัญญาของเจ้าของนิสัยเหล่านั้นได้ 

ลักษณะแรกที่น่าสนใจคือ คนที่มี “กึ๋น” หรือสัญชาติญาณ หรือลางสังหรณ์… แล้วแต่จะเรียก… ชนิดที่แม่นยำอยู่เสมอๆ มีโอกาสมากว่าจะเป็นคนที่ฉลาดมากๆ 

ดร. เกิร์ด ไกเกเรนเซอร์ (Gerd Gigerenzer) ที่เป็นผู้อำนวยการของสถาบันมักซ์พลังก์เพื่อการพัฒนามนุษย์ที่ตั้งอยู่ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี และเป็นผู้เขียนหนังสือเรื่อง กึ๋น: เชาวน์ปัญญาแห่งจิตไร้สำนึก (Gut Feelings: The Intelligence of the Unconscious) ทำวิจัยเรื่องนี้และสรุปไว้ว่า สติปัญญาแสดงออกได้ทั้งแบบคิดเป็นเหตุเป็นผลอย่างชัดแจ้ง และแบบพิเศษที่อธิบายยากกว่าว่าทำได้อย่างไร 

กรณีหลังนี้อาจเป็นการสุกงอมของความรู้ ความเชี่ยวชาญ และการคิดหรือแก้ไขปัญหาผ่านจิตใต้สำนึกจนเกิดเป็น ‘สัญชาติญาณ’ ที่แม่นยำ 

งานวิจัยเรื่องนี้ใช้คำจำเพาะอีกคำหนึ่งเพื่ออธิบายเรื่องนี้คือ คำว่า ‘เชาวน์ปัญญาแบบรวมยอด (collective intelligence)’ … เผื่อว่าใครไปอ่านเข้า จะได้ทราบว่าเป็นเรื่องเดียวกัน

หนึ่งในตัวอย่างที่ไกเกเรนเซอร์ใช้อธิบายก็คือ กรณีของเคปเลอร์และกาลิเลโอที่เป็นพวกศึกษาวิทยาศาสตร์นานหลายปี หลายเรื่องก็ไม่มีประจักษ์พยานที่มองเห็นด้วยตาได้ (ในสมัยนั้น) แต่พวกเขาก็ยังสามารถสรุปความจริงเกี่ยวกับเอกภาพได้อย่างถูกต้องแม่นยำ แม้ว่าสังคมในยุคนั้นจะไม่เชื่อพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังยืนหยัดต่อสู้เพื่อความจริงที่รับรู้ได้ด้วย “กึ๋น” ของพวกเขา 

คนที่ฉลาดมากๆ จึงมักฟัง ‘เสียงจากความรู้สึกภายใน’ ของตัวเอง และมีแต่คนจำพวกนี้จึงจะสามารถค้นพบสิ่งที่แปลกใหม่อย่างยิ่งใหญ่ได้ จนถึงกับมีบางคนเชื่อว่าสัญชาติญาณเป็นรูปแบบของสติปัญญาขั้นสูงสุด! 

เรื่องน่าสนใจคือ ในโลกของการบริหารสมัยใหม่มักสอนกันว่า เรื่องของกึ๋นเป็นเรื่องความเชื่อผิดๆ และไม่ควรนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจ … แต่กึ๋นของแท้จะไม่ใช่การเดามั่วหรือใช้แค่ความรู้สึกล้วนๆ  เพียงแต่เป็นการประมวลผลข้อมูลจำนวนมากอย่างละเอียดลึกซึ้ง แม้แต่ปัจจัยเล็กๆ น้อยๆ ที่ปกติแล้วจะใช้หลักเหตุผลมาจับได้ยากก็ตาม ก็ยังมองเห็นได้ 

น่าสนใจว่าเรื่องของสัญชาติญาณแบบนี้ อาจจะเป็นทางเลือกที่สำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตอันใกล้ เมื่อหุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติ และปัญญาประดิษฐ์ เข้ามาแย่งงานมนุษย์เป็นจำนวนมาก แต่การทำให้คอมพิวเตอร์มี “กึ๋น” น่าจะยังอยู่ในอนาคตอีกไกล! 

เชื่อแน่ว่าน่าจะมีงานวิจัยออกมามากขึ้นว่า จะสร้างกึ๋นให้เกิดขึ้นได้อย่างไร

คุณลักษณะของสติปัญญาอย่างที่ 2 ก็คือ มีความสามารถในการเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น (empathy) มีนักจิตวิทยามากขึ้นเรื่อยๆ ที่เชื่อว่า ความสามารถในการเข้าใจคนอื่นถือเป็นความฉลาดที่สำคัญ จะเห็นได้ชัดจากเรื่องการขยับจากการเน้นย้ำเรื่อง IQ มาเป็นเรื่อง EQ ที่ต้องควบคุมตัวเองได้ 

โดยงานวิจัยพบว่าคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต คือได้รับการยอมรับจากคนอื่นว่าเก่ง และตัวเองก็มีความสุขและมีความพึงพอใจในตัวเองกับสภาพแวดล้อม คนเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องมี IQ สูงล้น แต่ต้องมี EQ สูงพอจะควบคุมอารมณ์ และจัดการปัญหาต่างๆ ได้ดี 

การควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดี เป็นพื้นฐานอย่างดีในการทำความเข้าใจความคิดและอารมณ์ความรู้สึกของผู้อื่นด้วย

ลักษณะต่อไปนี่ยิ่งน่าสนใจ เขาว่าคนที่เจ๋งจริงจะประเมินระดับสติปัญญาของตัวเองได้ใกล้เคียงความจริงมากกว่าคนทั่วไป กล่าวคือจะประเมินตัวเองไม่สูงหรือต่ำเกินไป เป็นคนที่มองเห็นเรื่องความผิดพลาดเป็นเรื่องปกติ มีจิตใจเปิดกว้างพร้อมจะเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ตลอดเวลา ซึ่งต่างจากคนรู้น้อยที่มักจะตกหลุม ‘กบน้อยในบ่อ’ ที่มักคิดว่าตัวเองรู้มาก ประเมินตัวเองสูงกว่าความเป็นจริงจนกลายเป็น ‘ปรากฏการณ์ดันนิ่ง-ครูเกอร์ (Dunning-Kruger effect)’ ที่พบได้บ่อยในคนที่เริ่มจะรู้มากขึ้นนิดหน่อยหรือ “อิน” ในบางเรื่อง แต่มักหลงตัวคิดว่าเป็นผู้รอบรู้ไปซะงั้น!    

การรู้ว่าตัวเองอยู่ระดับใด ฉลาดแค่ไหน ทำให้เราเดินหน้าต่อและใช้ประโยชน์จากความรู้และความไม่รู้ของตัวเองและคนรอบข้างได้อย่างเต็มที่มากขึ้น

คุณลักษณะที่ 4 ของคนที่ฉลาดจริงก็คือ เป็นคนอยากรู้อยากเห็นอยู่ตลอดเวลา

มีการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า เด็กที่เปิดตัวเปิดใจและมีความอยากรู้อยากเห็นมากเป็นพิเศษ จะกลายไปเป็นคนที่เฉลียวฉลาดมากกว่าคนทั่วไปเมื่อมีอายุมากขึ้น 

ความอยากรู้อยากเห็นมอบให้ได้มากกว่าแค่ความรู้หรือความจำ แต่ยังให้ ‘ประสบการณ์’ อีกด้วย อย่างสุดท้ายนี่แหละครับที่คนไม่ค่อยขี้สงสัยยากจะได้รับ 

ข้อนี้จะเป็นเรื่องที่พ่อแม่ผู้ปกครองและครูอาจารย์ช่วยเด็กๆ ได้นะครับ 

วิธีการก็คือต้องคอยตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของเด็กๆ ครับ เวลาเด็กถาม ต้องตั้งอกตั้งใจตอบ ไม่โบ้ยไปแบบไม่มีเยื่อใย เช่น บอกว่าไม่รู้ (และไม่นึกอยากจะหาคำตอบให้เลยแม้แต่น้อย) หรือแย่กว่านั้นคือ แสดงความรำคาญเวลาเด็กๆ ถาม 

อันที่จริงตอบว่าไม่รู้ได้นะครับ แต่ควรจะต้องพูดต่อว่า เดี๋ยวจะไปหาข้อมูลมาให้ หรือไม่ก็สอนวิธีหาข้อมูลเองให้ หากเด็กๆ เห็นว่าการสงสัยของพวกเขาเป็นเรื่องดี เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่สนับสนุน เขาก็จะยิ่งสงสัยและตั้งคำถามมากขึ้นไปอีก

ใครจะไปรู้ ความอยากรู้อยากเห็นเรื่องต่างๆ อาจจะนำเด็กสักคนไปสู่เรื่องที่น่าสนใจ จนนำไปสู่ความยิ่งใหญ่ในอนาคตก็เป็นได้  

ลักษณะต่อไปอาจจะทำให้บางคนประหลาดใจครับคือ คนที่มีอารมณ์ขัน นิยมเรื่องตลกโปกฮา โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีความสามารถในเรื่องการพูดจาประชดเหน็บแนม มักจะมีสติปัญญาสูงกว่าคนทั่วไป เพราะการด้นสดเรื่องพวกนี้ หรือการทำเรื่องพวกนี้ให้ได้อย่าง ‘พอดี’ ถือเป็นศิลปะขั้นสูงที่ต้องคิดและวิเคราะห์เยอะ 

ฉะนั้น ต้องเน้นคำว่า ‘พอดี’ นะครับ ถ้าทำแล้วมีแต่คนส่ายหน้า…อย่างนี้ไม่ใช่ละ! 

คุณลักษณะลำดับที่ 6 ที่เป็นข้อสุดท้ายก็คือ ความรักสันโดษ ครับ

ตั้งแต่สมัยโบราณมาแล้ว มักถือกันว่าปราชญ์มักจะเป็นคนถือสันโดษ สามารถอยู่กับตัวเองได้อย่างมีความสุข ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นหรือสิ่งอื่นใดมากนัก เมื่อจะพูดหรือกล่าวสิ่งใด ก็ดูจะสะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาที่อยู่ภายในเสมอ 

การมีสติอยู่กับตัวเองทุกขณะจิตหรือการมีความสำรวม มักเป็นคุณลักษณะของผู้คงแก่เรียนและเป็นปราชญ์ผู้มีปัญญา  

อันที่จริงในโลกสมัยใหม่ หากเราเห็นใครที่ป่าวประกาศถึงความเจ๋งของตัวเองอยู่ตลอดเวลา ก็ควรต้องตั้งคำถามตัวโตๆ ว่า เป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่ อย่างที่คำโบราณกล่าวว่า … 

มีแต่กลองที่ข้างในกลวงเท่านั้นแหละจึงจะตีแล้วดังมากๆ!

Tags:

ความเข้าอกเข้าใจ(empathy)อัจฉริยะความอยากรู้อยากเห็น

Author:

illustrator

นำชัย ชีววิวรรธน์

นักอณูชีววิทยา นักสื่อสารวิทยาศาสตร์ นักเขียน นักแปล และนักอ่าน ผู้มีความสนใจอย่างหลากหลาย โดยเฉพาะการนำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาขับเคลื่อนสังคม

Related Posts

  • How to enjoy life
    เก็นจิ เก็นบุตซึ (Genchi Genbutsu):  ไปให้เห็นกับตา ค้นหาความจริงและไม่ด่วนตัดสิน

    เรื่อง ปริพนธ์ นำพบสันติ ภาพ ninaiscat

  • Movie
    Hometown Cha Cha Cha: ทะเลาะกันไม่ใช่ประเด็น แต่คือเรา ‘เอมพาตี้’ คนตรงหน้าแค่ไหน

    เรื่อง พิมพ์พาพ์

  • How to enjoy lifeBook
    DESIGNING YOUR LIFE: ปัญหาที่แก้ไม่ได้ไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นสถานการณ์ไม่ต่างกับ ‘แรงโน้มถ่วง’

    เรื่อง ณิชากร ศรีเพชรดี

  • Life classroom
    PERFECTIONISM อย่าหวดวัยรุ่นด้วยความสมบูรณ์แบบอีกเลย

    เรื่อง บุญชนก ธรรมวงศา

  • EF (executive function)
    เราแค่ ‘รู้’ แต่เราไม่ ‘รู้สึก’ การศึกษาไทยจึงถูกทิ้งไว้กลางทาง : เดชรัต สุขกำเนิด

    เรื่อง

  • Creative Learning
  • Life
  • Family
  • Voice of New Gen
  • Knowledge
  • Playground
  • Social Issues
  • Podcasts

HOME

มูลนิธิสยามกัมมาจล

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

เลขที่ 19 เเขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

Cleantalk Pixel