- คนเราเห็นความคิดและพฤติกรรมของตัวเองได้ทั่วถ้วนมากกว่าของคนอื่น แม้ในซอกหลืบดำมืดแห่งใจดุจในห้องเก็บภาพเปื้อนบาปของดอเรียน เกรย์ บางครั้งเราจึงอาจเห็นว่าตัวเองมีมลทินมากกว่าคนอื่น แต่แท้จริงแล้ว คนอื่นก็อาจซุกซ่อนมุมอื่นไว้อยู่เช่นกัน
- มีเรื่องดีๆ มากมายที่คนในบ้าน โดยเฉพาะที่พ่อแม่ทำให้เรา และก็มีเรื่องดีๆ มากมายที่ลูกทำให้เราเช่นกัน แต่ความใกล้ชิดก็อาจทำให้เราเห็นภาพที่ไม่น่ารักของกันและกันบ่อยๆ และบางครั้งมันก็เป็นเรื่องง่ายที่เราจะจดจำภาพลบๆ ของคนใกล้ชิด
- บทความชิ้นนี้ ภัทรารัตน์ หยิบเรื่องราวของ ดอเรียน เกรย์ หนุ่มรูปงามที่ยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้รูปเหมือนแบกรับความแก่ชราไว้แทน ในขณะที่เขาดูเป็นหนุ่มหล่อตลอดไป เทียบเคียงกับภาพที่เราเห็น ภาพจำและภาพของคนในครอบครัวที่เราวาดขึ้นเองเพื่อขยายพรมแดนความรู้สึกเชิงบวกได้
1.
ดอเรียน เกรย์ เป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่ เขาได้รับการเลี้ยงดูโดยท่านลอร์ดเคลโซ คุณตาที่เพียงแต่อยากให้หลานอย่างเขาอยู่ไกลหูไกลตาส่วนหนึ่งก็เพราะเขาหน้าตาละม้ายคล้ายแม่มาก ในอดีตนั้นแม่ผู้งามหยาดฟ้าของเขา เลดี้ มาร์กาเร็ต เดเวอรู ซึ่งเป็นลูกสาวของลอร์ดเคลโซ ได้หนีไปแต่งงานกับหนุ่มผู้ยากไร้ ลอร์ดเคลโซสั่งเก็บชายผู้นั้นและไปพาตัวลูกสาวกลับมา ทว่าหลังจากนั้นเลดี้ มาร์กาเร็ต เดเวอรู กลับสิ้นใจลงภายในเวลาไม่นาน เด็กชายดอเรียน เกรย์ จึงจำต้องอยู่ในความดูแลของลอร์ดเคลโซผู้ไร้ความรัก…
อย่างไรก็ตาม ดอเรียนเติบโตขึ้นเป็นหนุ่มรูปงาม และจิตรกรก็ได้วาดภาพเหมือนซึ่งสะท้อนความงามในวัยหนุ่มอันหอมรัญจวนของดอเรียนไว้ เขาจ้องมองภาพเหมือนของตัวเองและประจักษ์ถึงความงามอย่างปริ่มสุข กระนั้นก็เศร้าใจที่กาลเวลาจะพรากความงามให้เขาต้องเหี่ยวแห้งโรยรา ในขณะที่รูปเหมือนของเขาจะอ่อนเยาว์ชั่วนิรันดร์
เขาจึงประกาศยอมแลกกับทุกอย่างเพื่อให้รูปเหมือนแบกรับความแก่ชราไว้แทน ในขณะที่เขาจะดูเป็นหนุ่มหล่อวิลาสตลอดไป
ดอเรียนออกไปใช้ชีวิตและภาพเหมือนของเขาก็ดูอำมหิตขึ้น จนในที่สุดเขาต้องซุกซ่อนภาพชวนสยองไว้ในห้องใต้หลังคาและล็อคปิดตายไว้ วันเวลาผ่านผัน ทิ้งรอยชราและบาปมลทินต่างๆ ที่ดอเรียนทำไว้บนภาพเหมือน โดยที่ดวงหน้าของเขายังคงอ่อนเยาว์และงามตราตรึง จนแม้มีข่าวลือเกี่ยวกับวิถีชีวิตเสื่อมเสียของดอเรียน ใบหน้าอันพิสุทธิ์หมดจดของเขาก็ตำหนิให้ผู้คนที่ซุบซิบรู้สึกว่ากำลังป้ายความแปดเปื้อนใส่เขา
นอกจากนั้น ดอเรียนยังคงสายสัมพันธ์กับสังคมอย่างพิถีพิถัน เขาต้อนรับผู้คนเข้ามาในคฤหาสน์เคล้าคลอเสียงดนตรีสะกดแขกเหรื่อและรสนิยมอันปราณีต ชายหนุ่มทั้งหลายเพ้อฝันว่าดอเรียนคือคนที่พวกเขาวาดไว้ คนที่ดูเพรียบพร้อมด้วยความคงแก่เรียน รุ่มรวยวัฒนธรรม อีกทั้งมารยาทและความงาม
มีเพียงดอเรียนเท่านั้นรู้อยู่แก่ใจว่าอีกด้านหนึ่งของเขาเป็นอย่างไรและภาพเหมือนของเขาเปลี่ยนไปอย่างไร เขามักจะกลับไปดูภาพเหมือนอันปรากฏรอยชราและความเสื่อมทราม และบ้างก็หมกมุ่นถึงกับไม่อยากออกห่างจากมันเลย ในขณะเดียวกันเมื่อเขาไปเยือนคฤหาสน์ชนบทของตน เขาก็ชอบเข้าไปในห้องแสดงภาพอันเปลี่ยวเหงาเพื่อดูภาพเหมือนของบรรพบุรุษที่เขาสืบสายเลือด เขาจินตนาการถึงคนเหล่านั้นไปตามคำบอกเล่าของคนอื่นและตามความรู้สึกของตนเอง… เช่นเดียวกัน เขารู้สึกถึงแม่ที่เสียชีวิตไปนับแต่เขายังเด็กมาก และอิทธิพลของแม่ที่มีต่อเขาผ่านการนึกคิดจินตนาการ
2.
ภาพที่เราเห็นตัวเองและคนวงใน แตกต่างจากภาพที่เราเห็นคนวงนอก
คนเราเห็นความคิดและพฤติกรรมของตัวเองได้ทั่วถ้วนมากกว่าของคนอื่น แม้ในซอกหลืบดำมืดแห่งใจดุจในห้องเก็บภาพเปื้อนบาปของดอเรียน เกรย์ บางครั้งเราจึงอาจเห็นว่าตัวเองมีมลทินมากกว่าคนอื่น หรือรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีเท่าที่คนอื่นเห็น และบ้างก็ระคนไปกับความกลัวว่าคนอื่นจะค้นพบว่าเรามีบางอย่างที่ลวงโลก แต่แท้จริงแล้ว คนอื่นก็อาจซุกซ่อนมุมอื่นไว้อยู่เช่นกัน หรือถึงเขาไม่ได้จงใจแอบด้านที่ไม่น่ารักไว้ในห้องลงกลอน แต่เราก็ไม่ได้ใกล้ชิดเขามากพอที่จะเห็นเขาอย่างรอบด้าน
ในทำนองเดียวกัน หลายครั้งคนเรามักจะกรี๊ดคนที่ไม่ค่อยรู้จักมากกว่าจะแสดงออกซึ่งความชื่นชมในความเกื้อกูลของคนใกล้ตัว เรามักเห็นด้านต่างๆ ทั้งด้านบวกและโดยเฉพาะด้านลบ ของคนใกล้ชิดได้มากกว่า อีกทั้งมีความคาดหวังหรือรู้สึกว่าเราควรได้รับสิ่งดีๆ จากคนใกล้ตัวอยู่แล้ว ในทางกลับกัน ความสัมพันธ์กับคนที่ไม่สนิทนั้นมีระยะห่าง บางครั้งเราจึงอาจเป็นเหมือนบรรดาหนุ่มวัยกระเตาะที่กรี๊ดดอเรียน เกรย์ เมื่อได้ปฏิสัมพันธ์กับเขาเพียงในงานเลี้ยงที่ดอเรียนได้ไตร่ตรองมาอย่างดีว่าจะนำเสนออะไรให้เห็น ไม่น่าแปลกใจที่การแห่แหนดาราและ ‘มาสเตอร์ กูรู’ สายต่างๆ แบบยึดติดกับตัวบุคคล มักตามมาด้วยความผิดหวังของสาวกแฟนคลับซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชวนให้นึกถึงคำกล่าวที่ว่า “อย่าไปเจอฮีโรในดวงใจคุณเลยนะ”
เพราะเมื่อได้ลองคลุกคลีกันจริงจัง ก็อาจเจอนิสัยหรือคำพูดที่ทำให้คุณขุ่นเขืองยิ่งกว่าที่ได้สัมผัสจากคนในบ้านซึ่งคุณพร่ำบ่นฉอดๆ เสียอีก แต่ความ “ขัดใจ” ของตัวเราเองก็เป็นสิ่งที่ต้องตั้งคำถามไม่น้อยเลย ยิ่งถ้าใครมีอาการลุ่มหลงยกย่อง ‘ฮีโร่’ หรือคนไกลอื่นๆ อย่างมาก แต่วันดีคืนดีเมื่อเจออะไรขัดใจก็พลิกไปเกลียดชังเขาอย่างรุนแรง ก็น่าฉุกคิดว่าแรงชอบชังอันเชี่ยวกรากเช่นนี้มันเป็นการฉายภาพ (psychological projection) หรือสะท้อน (resonate) สรรพสำเนียงและเรื่องราวอะไรจากเบื้องลึกหัวใจ “ของคนผู้นั้นเอง” กันแน่? (สนใจดูเพิ่ม Swan Lake 1: เงามืดในตัวเองที่เราไม่ยอมรับรู้ ซึ่งไปปรากฏในความสัมพันธ์)
ภาพพ่อแม่หรือลูกในความทรงจำ
มีเรื่องดีๆ มากมายที่คนในบ้าน โดยเฉพาะที่พ่อแม่ทำให้เรา และก็มีเรื่องดีๆ มากมายที่ลูกทำให้เราเช่นกัน แต่ความใกล้ชิดก็อาจทำให้เราเห็นภาพที่ไม่น่ารักของกันและกันบ่อยๆ และบางครั้งมันก็เป็นเรื่องง่ายที่เราจะจดจำภาพลบๆ ของคนใกล้ชิด อย่างเช่น ภาพที่พ่อแม่ระเบิดอารมณ์ ทำร้ายตำหนิเรา ฯลฯ หรือภาพที่ลูกเราไม่มีวินัย ไร้มารยาท และอื่นๆ ซึ่งไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง ภาพเหล่านั้นอาจไม่ตรงกับความจริงในอีกหลายห้วงขณะ แต่เราก็ยังเลือกเก็บภาพทางลบนั้นไว้ และบางทีภาพอันไม่งดงามนั้นก็มีแรงดึงดูดลึกลับบางอย่างให้เราต้องกลับไปดูบ่อยๆ – เราฉายมันซ้ำในหัวตัวเอง
แต่มันก็ไม่ได้มีอำนาจเหนือกว่าเรา ถ้าเรารู้ทันมันมากพอ
ยิ่งไปกว่านั้นเรายังสามารถวาดภาพคนในครอบครัวในแบบอื่นๆ เพื่อเป็นจุดเปลี่ยนอารมณ์ให้เป็นบวกขึ้นได้ด้วย
ภาพของคนในครอบครัวที่เราเลือกเก็บและวาดต่อได้เอง
เมื่อพูดถึงภาพบุคคล เราอาจนึกถึงภาพถ่ายหรือภาพวาด แต่มันก็รวมไปถึงมโนภาพซึ่งจะมโนไปอย่างไรก็ได้ อย่างภาพวาดบุคคลเองก็ดูจะไม่ได้มีภาพที่เป็นกลาง เห็นด้วยกับการอภิปรายจากหอศิลป์เทต (Tate) ว่าเวลาที่ศิลปินวาดภาพใครสักคน เขาตัดสินใจแล้วว่าจะบอกเล่าอะไรเกี่ยวกับตัวคนนั้น และบอกเล่าอย่างไร (ซึ่งหากเป็นการจ้างวาด ภาพเหมือนก็อาจมีลักษณะสอพลอ ดูดีไม่ตรงปกราวกับเซลฟีผ่านแอพได้) ภาพไม่เพียงเป็นบันทึกของรูปร่างหน้าตาแต่ยังเป็นบันทึกความสำคัญ คุณความดี และคุณสมบัติอะไรอีกหลายอย่างของผู้ถูกวาดได้อีกด้วย และเมื่อกาลเวลาผ่านไป ผู้ดูภาพก็สามารถจะ “รับรู้ภาพ” ของคนที่เขาไม่เจอตัว แบบไหนก็ได้เช่นกัน ดั่งที่ดอเรียน เกรย์ จินตนาการต่างๆ นานาถึงบรรพบุรุษและแม่ที่เสียชีวิตไป ผ่านการดูภาพแน่นิ่งมากมายในห้องแสดงภาพ
ในทำนองเดียวกับเวลาที่เรานั่งอยู่เบื้องหน้าเทวรูปหรือสัมผัสถึงสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เราสามารถวาดภาพสิ่งเหล่านี้ให้เป็นอย่างไรก็ได้ดั่งศิลปินที่วาดรูปนายแบบของเขาไปตามใจ เช่น เราวาดว่าอะไรบางอย่างคือพลังงานศักดิ์สิทธิ์ซึ่งคอยปกป้องคุ้มครองให้เราพ้นภัยและปลอบโยนเราอย่างไร้เงื่อนไขในยามโศกตรม เฉกเช่นเดียวกัน หากการดูรูปภาพพ่อแม่หรือการอ่านจดหมายชวนซาบซึ้งที่พ่อแม่เขียนให้เมื่อคราวอยู่ไกลกัน หรือการมองภาพของลูกน้อยที่บัดนี้ได้เติบโตออกจากรวงรังแล้วมีช่องว่างให้เราวาดภาพทางบวกต่อในใจ ซึ่งส่งผลให้เรารู้สึกดีกับพวกเขาได้ง่ายกว่าตอนที่ต้องสัมพันธ์กับพวกเขาจริงๆ ในชีวิตประจำวัน เราก็สามารถใช้ห้วงอารมณ์จากภาพหรือข้อความอย่างนั้นมาเป็นตัวตั้งได้ แล้วค่อยขยายพรมแดนความรู้สึกเชิงบวกย้อนกลับไปในความสัมพันธ์ประจำวัน
3.
ตัวอย่างและหนทางเพิ่มภาพจำทางบวก
ยกตัวอย่างเช่น แม่มีภาพจำเกี่ยวกับลูกในทางลบ ซึ่งรวบรวมจากหลายช่วงเวลาที่ลูกมีพฤติกรรมที่ทำแม่รู้สึกไม่ดี พลอยทำให้รู้สึกไม่ดีกับลูกได้ง่าย (ซึ่งน่าเห็นใจคนเป็นแม่มาก โดยเฉพาะบางทีความรู้สึกนั้นสั่งสมมาพร้อมกับความเหนื่อยล้าจากภาระที่แม่นั้นทั้งต้องดูแลคนรอบตัวแทบทุกวัย อีกทั้งต้องจัดการกับงานอีกมายมายที่แค่ทำกิจกรรมรูทีนก็ทำไม่ค่อยทันแล้ว) ภาพจำเกี่ยวกับลูกในทางลบ ทำให้หงุดหงิดลูกง่ายและย่อมสื่อสารกับลูกในทางลบได้ง่ายด้วย
แต่แล้วแม่ก็นึกได้ว่า มีหลายช่วงเวลาที่ลูกน่ารัก และมีสิ่งของหลายอย่างที่เตือนให้ระลึกถึงความน่ารักนั้นของลูก คุณแม่จึงสามารถลองแปะการ์ดวันแม่ที่มีข้อความซึ้งๆ ว่า “หนูรักแม่นะคะ” ฯลฯ ไว้ตรงประตูที่เข้าออกบ่อยๆ (หรือทำอย่างอื่นที่สร้างอารมณ์เชิงบวกในทำนองนี้) ซึ่งช่วยเพิ่มการฉายภาพซ้ำในทางบวกได้
วิธีนี้ใช้ได้กับความสัมพันธ์กับพ่อแม่เช่นกัน เช่น พ่อหรือแม่อาจเป็นคนขี้โมโห ทำให้ลูกมีภาพจำเกี่ยวกับการระเบิดอารมณ์ของเขา แต่เราสามารถเอารูปถ่ายตอนเขายิ้มและสงบ หรือจดหมาย หรือกระดาษโน๊ตในวันธรรมดาสามัญซึ่งแสดงความห่วงใยอันสันติที่พ่อแม่เคยเขียนให้ มาแปะไว้ในไดอารี่หรือหน้าคอมพิวเตอร์ก็ได้ สิ่งเหล่านี้จะค่อยๆ ย้ำภาพพ่อแม่ในทางบวกไว้ในความจำและเพิ่มความรู้สึกทางบวกต่อพวกเขาได้เช่นกัน
แล้วเราอาจต้องหลั่งน้ำตาให้กับสิ่งดีๆ ทุกอย่างที่พ่อแม่เคยทำให้เรา ใจของเราเปิดออก เพราะรู้ดีว่าไม่มีอะไรที่อภัยให้พ่อแม่ไม่ได้เลย แม้การให้อภัยอาจเป็นเรื่องที่ยังต้องทำซ้ำไปเรื่อยๆ และไม่ได้เป็นการเห็นด้วยกับการกระทำหลายอย่างของพวกเขา แต่อย่างน้อยมันก็คือการแสดงความประสงค์ในการตัดวงจรลบและปล่อยพลังงานลบออกไป