- การเล่นของเด็กถือเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาศักยภาพอย่างเป็นธรรมชาติ เป็นการปูพื้นฐานด้านสติปัญญา ร่างกาย อารมณ์ และสังคม รวมไปถึง การแก้ปัญหา ฝึกสมาธิ และส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ถือเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนา PQ (Play Quotient) หรือ ความฉลาดที่เกิดจากการเล่น ซึ่งจะกลายเป็นคุณสมบัติที่ติดตัวพวกเขาไปจนโต
- ต้นแบบนวัตกรรมของเล่นจากยางพารา ภายใต้ชื่อ ‘Para Plearn’ ของเล่นที่จะช่วยให้เด็กๆ ได้เรียนรู้อย่างเพลิดเพลินและปลอดภัย เพื่อเสริมทักษะและกระตุ้นการเรียนรู้ของเด็กๆ 3 ชนิด ประกอบไปด้วย Para Note, Para Dough และ Para Sand
นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ เคยกล่าวไว้ว่า “งานของเด็กคือการเล่น”
เพราะการเล่นของเด็กถือเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาศักยภาพอย่างเป็นธรรมชาติ เป็นการปูพื้นฐานด้านสติปัญญา ร่างกาย อารมณ์ และสังคม รวมไปถึง การแก้ปัญหา ฝึกสมาธิ และส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ถือเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนา PQ (Play Quotient) หรือ ความฉลาดที่เกิดจากการเล่น ซึ่งจะกลายเป็นคุณสมบัติที่ติดตัวพวกเขาไปจนโต
สำหรับ PQ หรือ Play Quotient ประกอบไปด้วย
- พัฒนาการทางร่างกาย เช่น พัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่จากการวิ่งเล่น ปีนป่าย และพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กจากการปั้นดินน้ำมัน
- พัฒนาการทางสมอง เช่น ความคิดสร้างสรรค์จากการประดิษฐ์ การคิดวางแผนต่อบล็อก ฝึกกะระยะจากการรับส่งบอล
- พัฒนาการทางสังคม เช่น การรู้จักแบ่งปัน และการแสดงออกทางอารมณ์อย่างเหมาะสมเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันในระหว่างเล่น
- พัฒนาการทางภาษา เช่น การสื่อสารเมื่อเล่นกับเพื่อน เป็นต้น
อย่างไรก็ดี นอกจากการเล่นโดยหยิบจับของใกล้ตัวมาประยุกต์ใช้แล้ว ในปัจจุบันมี ‘ของเล่น’ มากมายที่ถูกออกแบบเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการเด็ก ทว่าปัญหาที่พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนกังวลก็คือเรื่อง ‘ความปลอดภัย’ โดยเฉพาะสารเคมีที่ปะปนอยู่ในของเล่นที่เด็กๆ ต้องสัมผัสใกล้ชิด
ล่าสุด ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดตัว ต้นแบบนวัตกรรมของเล่นจากยางพารา ภายใต้ชื่อ ‘Para Plearn’ ของเล่นที่จะช่วยให้เด็กๆ ได้เรียนรู้อย่างเพลิดเพลินและปลอดภัย
ดร.ปณิธิ วิรุฬห์พอจิต หัวหน้าทีมวิจัยกระบวนการแปรรูปยางขั้นสูง เอ็มเทค สวทช. เล่าว่า ทีมวิจัยมีแนวคิดในการเพิ่มมูลค่ายางพารา พืชเศรษฐกิจสำคัญของไทย ให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น จึงได้นำยางพารามาทดลองเปลี่ยนสภาพให้อยู่ในรูปแบบต่างๆ กระทั่งนำมาสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเล่นเพื่อเสริมทักษะและกระตุ้นการเรียนรู้ของเด็กๆ 3 ชนิด ประกอบไปด้วย Para Note, Para Dough และ Para Sand
Para Note: เขียนได้ไร้ฝุ่น ฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็ก
“Para Note คือการนำยางพารามาทำให้แข็ง แล้วนำมาอัดเป็นแท่ง สามารถใช้เขียนกระดานหรือพื้นผิวที่มีความขรุขระได้คล้ายกับชอล์ก โดยทั่วไปชอล์กตามท้องตลาดมักทำจากแร่ยิปซัม หรือเกลือจืด ซึ่งเป็นแคลเซียมซัลเฟต เวลาเขียนจะเลอะมือ เกิดฝุ่นได้ง่ายและเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ แต่ Para Note ที่ทีมวิจัยพัฒนาขึ้นนั้น เขียนได้ไม่เลอะมือ ไม่ก่อให้เกิดฝุ่นฟุ้งกระจาย และไม่เป็นอันตราย อีกทั้งยังแตกหักได้ยากกว่าชอล์กที่วางจำหน่ายทั่วไป ที่สำคัญคือสามารถลบให้สะอาดได้ด้วยยางพาราที่มีความอ่อนตัวน้อยกว่า และขึ้นรูปเป็นลักษณะต่างๆ ได้ตามรูปแบบแม่พิมพ์”
Para Note นอกจากจะเป็นนวัตกรรมที่ปลอดภัยไร้สารเคมีแล้ว ยังเป็นของเล่นที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการให้แก่เด็กๆ ได้อย่างดี เพราะการส่งเสริมให้เด็กเล็กขีดเขียนด้วยชอล์ก หรือดินสอไม้นั้น จะช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กให้มีความแข็งแรง ฝึกการทำงานที่สัมพันธ์ระหว่างมือกับตา ช่วยให้เด็กมีสมาธิมีจดจ่อกับสิ่งที่เขียนตรงหน้า รวมทั้งเสริมสร้างให้เด็กๆ มีจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ด้วย
Para Dough: ยางปั้นไร้สารอันตราย ฝึกสมาธิ สร้างจินตนาการ
สำหรับ Para Dough ดร.ปณิธิ อธิบายว่า เกิดจากการทดลองนำแผ่นยางพารามาทำให้อ่อนตัวมากที่สุด จากนั้นทดลองผสมกับน้ำมันปาล์มและแป้ง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ จนเกิดเป็น Para Dough หรือยางสำหรับปั้น มีลักษณะคล้ายกับดินน้ำมัน แต่ไม่มีกลิ่นและปลอดภัยกว่าดินน้ำมันทั่วไป เพราะปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตราย อีกทั้งยังสามารถคงสภาพอยู่ได้โดยไม่แห้งแข็ง ทนความร้อน-เย็นได้ ไม่ขึ้นรา และไม่มีกลิ่นแม้จะทิ้งเอาไว้เป็นเวลานาน จึงเป็นนวัตกรรมอีกตัวหนึ่งที่มีความปลอดภัย เพราะส่วนผสมทุกอย่างที่ใช้ผลิตล้วนมาจากธรรมชาติ
ทั้งนี้ การปั้น Para Dough ยังถือเป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองของเด็กๆ ได้ โดยเฉพาะเด็กเล็กในช่วงแรกเกิดถึง 3 ขวบ เพราะเป็นช่วงที่สมองของเด็กพัฒนาอย่างรวดเร็วและมีศักยภาพมากที่สุด ในส่วนของเด็กอายุ 4 ขวบขึ้นไป การปั้นสามารถช่วยฝึกสมาธิ เสริมสร้างจินตนาการ และต่อยอดกระบวนการคิดอย่างสร้างสรรค์ให้แก่เด็กได้อีกด้วย
Para Sand: ขึ้นรูปทรงตามใจ กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์
นวัตกรรมตัวสุดท้ายคือ Para Sand ดร.ปณิธิ อธิบายว่า เป็นผลิตภัณฑ์ยางพาราที่มีลักษณะเป็นผงเหมือนทรายแต่มีความหนืดไม่แตกตัว ลักษณะคล้ายสไลม์แบบผง มีรูปแบบการพัฒนาเช่นเดียวกับ Para Dough แต่มีการผสมวัตถุดิบในอัตราส่วนที่แตกต่างกัน ความพิเศษของ Para Sand คือสามารถนำผงยางพารามาปั้นหรืออัดขึ้นรูปเป็นรูปทรงต่างๆ และเปลี่ยนรูปให้กลับมาเป็นผงเช่นเดิมได้ โดยนำกลับมาปั้นขึ้นรูปใหม่ได้มากกว่า 10 ครั้ง รวมทั้งเติมสีและกลิ่นต่างๆ ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งประโยชน์ของ Para Sand นั้นจะคล้ายๆ Para Dough คือช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ รวมทั้งช่วยเสริมสร้างพัฒนาการกล้ามเนื้อมือและนิ้วของเด็กๆ ในการหยิบ จับ นวด ปั้นให้ออกมาเป็นรูปทรงต่างๆ และที่สำคัญคือการสร้างความภูมิใจเมื่อเด็กๆ ปั้นชิ้นงานต่างๆ ออกมาได้สำเร็จ
(Para Plearn เป็นนวัตกรรมของเล่นจากยางพาราที่ผ่านการวิจัยและพัฒนาอย่างสร้างสรรค์ เพื่อส่งเสริมให้เด็กๆ มีพัฒนาการที่ดีสมวัย เล่นได้อย่างปลอดภัย ไร้กังวล สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ สวทช.)