คำแนะนำประเภทพ่อแม่ที่ดีควรมีเวลาให้ลูกมากๆ เป็นคำแนะนำประเภทน่ารำคาญ ดังที่ทราบกันว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศปากกัดตีนถีบ หาเช้ากินค่ำ ได้ต้นเดือนกินให้ถึงปลายเดือน ชักหน้าไม่ถึงหลัง หนี้สินล้นพ้นตัว รถหนึ่งคันบ้านหนึ่งหลังรวมค่ากวดวิชาเด็กๆ จากเตรียมอนุบาลถึงมัธยมหก หาเงินทั้งชาติก็ไม่มีวันจะได้
คลอดเด็กเสร็จแล้วไปหาเงินเป็นเรื่องจำเป็น
ในชนบทวันนี้ เด็กเกือบทั้งหมดอาศัยอยู่กับปู่ย่าตายาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปู่ย่าตายายยุคเบบี้บูมเมอร์ จึงเลี้ยงหลานตามมีตามเกิดและหลานไม่ควรจะเป็นอะไรเพราะเคยเลี้ยงลูกตามมีตามเกิดมาแล้ว เด็กๆ เล่นดินทรายปั้นควายเล่นได้เอง
แต่วันนี้ไม่เหมือนกัน มีใครบางคนยื่นมือถือให้หลาน
หากอยู่บ้านปู่ย่าตายายมิได้เพราะเหตุใดก็ตาม หรือบางหมู่บ้าน บาง อบต. ก็มีนโยบายไม่ให้เด็กอยู่กับปู่ย่าตายายเพราะเกรงว่าจะขาดสารอาหารหรือการกระตุ้นพัฒนาการ จึงมีนโยบายให้ส่งเด็กทุกคนมาที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ซึ่งมีชื่อย่อว่า ศพด. อันไม่เป็นมงคลเอาเสียเลย
วิถีชุมชนเดิมถูกรบกวน พี่เลี้ยงเด็กจำนวนไม่พอหรือขาดคุณสมบัติของพี่เลี้ยงที่ดี เจ้าหน้าที่ ศพด. หลายคนก็ยังขาดความรู้ทางจิตวิทยา ทำให้เด็กพัฒนาการติดขัด พ่อแม่ไม่อยู่ ปู่ย่าตายายไม่มี มี ศพด. ที่ทรัพยากรและคุณภาพไม่เต็มร้อย
สาเหตุหนึ่งเพราะ ศพด. มิได้เป็นอิสระจากส่วนกลางด้วย
ภายใต้สถานการณ์ที่ดูเหมือนจะไม่มีทางออกนี้ เราจะแก้ไขปัญหาพัฒนาการเด็กได้อย่างไร ภายใต้ตัวชี้วัดที่ว่ามีเด็กป่วยไปรอพบจิตแพทย์เด็กที่โรงพยาบาลของรัฐมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะน้อยลง
มีทางออก 3 ทาง 1.สร้างรัฐสวัสดิการโดยเร็ว 2.ให้ ศพด. มีอิสระในการบริหารรวมทั้งบริหารงบประมาณโดยเร็ว 3.ให้อำนาจจัดการการศึกษาเป็นของส่วนท้องถิ่น อันนี้เขียนแบบไม่เกรงใจคนที่พูดว่าทำไม่ได้
กลับมาที่เรื่องพ่อแม่ไม่มีเวลา ปู่ย่าตายายไม่มีความรู้ และ ศพด. ไม่มีอำนาจบริหาร เราทำอะไรได้บ้าง
เด็ก 1 คนจำเป็นต้องมีมนุษย์ 1 คนที่มีเวลาให้แก่เขา ‘มากพอ’ ที่เขาจะรับรู้ว่ามนุษย์คนนั้นเป็นเสาหลักได้ ทำให้เขาไว้ใจ ไว้ใจมากพอที่เขาจะสร้างสัมพันธ์ด้วยได้ แล้วพัฒนาตัวตนให้ชัดมากพอที่จะพัฒนาความสามารถควบคุมตนเองได้ หากเวลาที่ว่านั้น ‘ไม่มากพอ’ มนุษย์คนนั้นย่อมไม่มีอยู่จริง พัฒนาการเด็กก็จะล้มระเนระนาดเช่นทุกวันนี้
มนุษย์คนนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นแม่และเมีย ดีเอ็นเอยิ่งไม่เกี่ยว
เราจะหาหรือสร้างเวลาที่มากพอนี้ได้อย่างไร บางคนเรียกว่าเวลาทอง ด้วยยังเชื่อว่าเวลามีค่าเท่าทองคำ และทองคำเป็นของมีค่า
ที่จริงแล้วเวลาทองนั้นมิใช่ของที่มีอยู่ตั้งแต่แรกด้วยเหตุผลระดับชาติข้างต้น ดังนั้นเวลาทองจึงเป็นเรื่องต้อง ‘หา’ และบางครั้งก็ต้อง ‘สร้าง’ เพราะมันไม่มีจริงๆ ตั้งแต่แรก
อีกครั้งหนึ่ง-ปากกัดตีนถีบก็ยังมีเงินไม่พอใช้แล้วจะมีเวลาทองได้อย่างไร
เด็กเติบโตได้เอง ความข้อนี้จริงแท้แน่นอน เราทำหน้าที่เพียงแค่ป้องกันอันตรายและวางวินัยที่สำคัญบางประการก็พอ นี่เป็นหลักการอีกข้อที่ควรทราบ ปัญหาพฤติกรรมเด็กจำนวนมากทุกวันนี้เกิดจากคุณพ่อคุณแม่ ‘มากไป’ และการศึกษา ‘มากไป’ ที่จริงแล้วเราปล่อยเด็กเล่นมากๆ ใน 7 ขวบปีแรกภายใต้กติกาบางประการเพื่อช่วยให้เขาควบคุมตนเองได้ก็พอแล้ว
เด็กเล่นคนเดียวได้ก็เป็นความจริงอีก มีพ่อแม่เล่นด้วยเขาก็ชอบ มีปู่ย่าตายายเล่นด้วยเขาก็ชอบ มีครูพี่เลี้ยง ศพด. หรือเพื่อนๆ เล่นด้วยเขาก็ชอบ แต่ถ้าสมมุติไม่มีใครเลยเขาเล่นคนเดียวได้และพัฒนาเองได้แน่นอน อย่าจับไปบังคับเรียนหนังสือก็พอ
แต่มีบ้างบางเวลาที่เขาจะเหลียวดูคน ถ้าเขาพบว่าข้างๆ มีมนุษย์ 1 คนอยู่เป็นประจำ สม่ำเสมอ และต่อเนื่องยาวนานมากพอ เวลาที่ว่าคือมากพอ เขาจะยอมรับมนุษย์คนนั้นเป็นเสาหลักของพัฒนาการ คือเป็นแม่ที่มีอยู่จริง โดยที่คำว่าแม่ในที่นี้มิได้จำเป็นต้องเป็นสตรี ส่วนจะเป็นหุ่นยนต์หรือเอไอได้หรือเปล่าเป็นเรื่องที่เราต้องดูกันต่อไป
ดังนั้นเวลาทองคืออะไร เวลาทองคือเวลาที่เราจะอยู่ข้างๆ ลูก เท่านี้เอง
เราในที่นี้เป็นได้ทั้งพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ครูพี่เลี้ยง ศพด. หรือเจ้าหน้าที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าใดๆ พูดง่ายๆ ว่าหากเรายุ่งมาก หรือเหนื่อยมาก (จากงานปากกัดตีนถีบ) หรือมิได้อยู่บ้านทุกวัน (จากงานปากกัดตีนถีบ) ลำพังเพียงการปรากฏตัวเป็นประจำ อย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่องยาวนานก็พอใช้ได้ เด็กทุกคนเรียนรู้ได้จาก ‘ความสม่ำเสมอ’
ตำราบางเล่มใช้คำว่า ‘จังหวะ’ เมื่อพ่อแม่ปรากฏกายเป็นจังหวะที่เขาทำนายได้ พ่อแม่ก็จะมีอยู่จริง
พ่อแม่ที่รู้งาน มีเวลา และมีเงินย่อมทำอะไรได้มากกว่านั้นใช่ (แต่ก็ไม่ทุกคน) อย่างไรก็ตามพ่อแม่ที่ยากจน เป็นคนชั้นล่าง ค่าแรงวันละ 300 บาท ผู้หญิงเผลอๆ ได้น้อยกว่านี้อีก ต้องฝากลูกให้คนอื่นเลี้ยง และไม่ได้มีเวลามาอ่าน The Potential (ก็เพราะปากกัดตีนถีบ) หากมีใครบางคนเดินไปบอกเขาเหล่านั้นว่าเวลาทองเป็นเรื่องสำคัญ เราอาจจะพอมีความหวังว่าเขาจะหาเวลาทองนั้นพบหรือสร้างขึ้นได้ ด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าก็ไม่เคยมีใครมาบอกนี่นาว่าเวลาทองเป็นเรื่องสำคัญ
เรื่องจะกลับมาที่รัฐอยู่ดี เราไม่สามารถทำงานพัฒนาการเด็กได้เลยถ้ามีรัฐหรือรัฐบาลที่ไม่มีทั้งวิสัยทัศน์และความสามารถ ถ้าเราต้องการมีเวลาทอง (คือไม่ต้องปากกัดตีนถีบมากไป) เราจำเป็นต้องเลือกตั้ง และเลือกตั้งซ้ำๆ จนกว่าจะได้รัฐหรือรัฐบาลที่ใช้การได้
เราจึงจะมีเวลาทอง